Pillow Talk - 1 #BangLo

SF BAP By M. Butterfly [BangLo/HimUp/DaeJae]

 

 

 

 

 

 

 

 

Choi Junhong

 

 

ผมจะทำยังไงดี ผมมีเรื่องกลุ้มใจที่ยังไงก็คิดไม่ออก มันเป็นเรื่องของผมกับคนรักของผมเองฮะ

 

เขาเป็นคนเงียบๆ และจริงกับชีวิตเป็นอย่างมาก

 

เขาเป็นคนพูดน้อย และไม่ชอบแสดงออกทางท่าทางด้วย

 

เขาเป็นคนดุและบ้างาน

 

เขาโคตรบ้างาน

 

และเขาก็อายุมากกว่าผม 6 ปี

 

ผมไม่เคยคิดว่ามาก่อนเลยว่าอายุเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเรา แต่ตอนนี้ ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ

 

.

 

.

 

.

 

.

 

ภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กลุ่มของชายหนุ่มหน้าตาดีหกคนกำลังเดินลงมาจากเครื่องบิน หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มน่าตาน่ารักร่างสูงโปร่ง ผิวของเขาขาวซีดราวกับหิมะ จิวจมูกอันเล็กบนปีกจมูกนั้นบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวคงเป็นคนที่แก่นเซี้ยวไม่เบา แต่นัยน์ตาที่ควรจะสดใสกลับมีแววกังวลอยู่ภายใน

 

ใช่ 'ชเว จุนฮง' เด็กหนุ่มวัย 21 ปีจากมกโพ มีเรื่องกังวลใจ แต่เจ้าตัวกลับพยายามปกปิดไม่ให้ใครรู้ เพราะไม่อยากทำให้ใครเป็นกังวล แต่อาจด้วยเพราะมีเรื่องนี้เข้ามารบกวนจิตใจได้สักพักแล้ว ทำให้ไม่สามารถซ่อนความกังวลได้มิดอย่างที่เคย

 

และหนึ่งในคนที่ดูออกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กหนุ่มตัวเล็ก รูปร่างสมส่วน เจ้าของตาหยีแสนน่ารัก 'มุน จงออบ' อาจเป็นด้วยอายุที่ไล่เลี่ยกัน หรือเพราะทั้งสองเป็นน้องเล็กของกลุ่มกันนะ..?

 

เคยได้ยินประโยคที่ว่า It takes one to know one. กันหรือเปล่า? มันหมายถึงคนจะเภทเดียวกันจะดูกันออกนะแหละ และในเคสนี้มุน จงออบก็มีเรื่องกลุ้มใจไม่แพ้ชเว จุนฮงเลย

 

จงออบสาวเท้าเข้าไปหาน้องน้อยของกลุ่ม ก่อนที่จะวางมือลงบนไหล่บางของจุนฮงอย่างแผ่วเบาระคนปลอบใจ ก่อนจะเอ่ยกระซิบออกมาอย่าง

 

"เก็บอาการอีกหน่อยนะ อีกแปปก็ขึ้นรถไปโรงแรมแล้ว"

 

"..." เด็กตัวสูงย่นคิ้วเล็กน้อย

 

"เบบี้จะเป็นห่วงเอาเปล่าๆ เด๊่ยวพี่ไปหาที่ห้องเรากับพี่ยองแจนะ ตอนนี้ยิ้มก่อนเร็ว"

 

นัยน์ตาของจุนฮงมีแววตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้พี่ชายตัวเล็ก

 

ภายนอกน้องชายตัวสูงอาจดูเหมือนแค่เพลียๆ จากการเดินทางไปๆ มาๆ หลายประเทศ แต่ภายในแล้วกลับเต็มไปด้วยความกังวลต่างๆ นาๆ

 

และยิ่งได้ยินประโยคที่ว่า 'ห้องเรากับพี่ยองแจ' ใจของจุนฮงก็กระตุกวาบ ทำให้นึกถึงต้นตอของเรื่องราวที่ทำให้กังวลใจ

 

ใช่ เรื่องทั้งหมด ความกังวลใจทั้งหมด มันก็มาจากการแบ่งห้องนอนของทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้นะแหละ จุนฮงกับยองแจนอนห้องเดียวกันมาตลอด ส่วนคนรักของเจ้าตัวอย่างบังยงกุก ก็นอนห้องเดียวกับเพื่อนสนิทอย่างคิมฮิมชาน

 

จุนฮงไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

โดยปกติก็ยุ่งจนแทบไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว และเขาก็รู้ว่าพี่ยงกุกเหนื่อย ไหนจะการเป็นหลีดเดอร์ ไหนจะแต่งเพลง ทำเพลง ไหนจะคอยดูความเรียบร้อยของซาวน์คอนเสิร์ตอีก แต่อีแค่นอนห้องเดียวกันเนี่ย ทำไมถึงไม่ได้

 

จุนฮงแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมเราถึงนอนห้องเดี่ยวกันไม่ได้..!?

 

ชเว จุนฮงนะ แค่หวังว่า ทุกคืนก่อนเข้านอน และทุกเช้าเมื่อตื่นนอนจะได้เห็นบังยงกุกนอนอยู่ข้างกัน

 

เท่านั้นเอง..

 

แค่นั้นแหละ คือสิ่งที่ชเว จุนฮงต้องการ

 

 

ใช่ว่าตัวจุนฮงเอาแต่เงียบ และมาคิดน้อยใจเองจนเป็นตุเป็นตะ

 

เขาเคยถามพี่ยงกุกแล้วด้วยซ้ำ ว่าเรานอนห้องเดียวกันได้หรือเปล่า เมื่อคำตอบคือ 'ไม่' จึงได้เอ่ยถามถึงเหตุผลออกไป

 

แต่คำตอบที่ได้จากคนรักคือ 'นอนๆ ไปเถอะจุนฮง อย่าเรื่องมากน่า'

 

แค่เพียงอยากนอนห้องเดียวกันอยากเห็นหน้าคนรักเป็นคนสุดท้ายก่อนนอน และเห็นคนรักเป็นคนแรกยามลืมตาตื่น แค่นั้นชเว จุนฮงก็กลายเป็นเด็กเรื่องมากในสายตาของบังยงกุกไปซะแล้ว

 

ทำให้หลังจากนั้น เด็กน้อยตัวสูงไม่กล้าจะเดินเข้าหา หรือเข้าไปเล่นกับยงกุกอีก ทั้งๆ ที่เป็นคนรักกันแท้ๆ

 

ใครๆ ก็รู้ เด็กน้อยผิวขาวซีดอย่างชเวจุนฮงรักและเทิดทูนบัง ยงกุกมากเพียงใด

 

ที่ปลีกตัวออกมาไม่ใช่โกรธเคืองหรือประชด

 

แต่เพราะน้อยใจและกลัว กลัวว่าจะเผลอทำตัวเด็กออกไป กลัวว่าอีกคนจะรำคาญจนเลิกรักกัน..

 

.

 

.

 

.

 

.

 

และเมื่อเดินทางถึงโรงแรม เรื่องกลุ้มใจของจุนฮงก็ถูกเล่าออกมา โดยมีผู้ฟังมาเพิ่มอย่างจอง แดฮยอนและยู ยองแจ

 

จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่มุนจงออบที่ดูออก แต่พี่ชายตาสวยทว่าแววตากลับเรียบนิ่งอย่างยองแจก็ดูออกเหมือนกัน

 

"นึกอยู่แล้วว่าจุนฮงต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ตอนเรานอนนะ พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาทั้งคืนเลยรู้ไหม?"

 

เสียงหวานๆ ของยองแจที่กึ่งนั่งกึ่งนอนผิงอกของแดฮยอนอยู่บนเตียงดังขึ้น

 

และที่พี่แดฮยอนคนดีมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ก็เพราะว่าติดสอยห้อยตามมุนจงออบมานะสิ และที่ตามมาก็ด้วยเพราะอยากจะอยู่กับคุณแฟนตาสวยที่นอนพิงร่างตัวเองอย่างยูยองแจนี่ละ

 

จุนฮงอิจฉาเป็นบ้า!!

 

นี่ซ้ำเติมกันอยู่รึเปล่า? ถ้าพี่ยงกุกได้สัเศษเสี้ยวเดียวของพี่แดฮยอนจุนฮงก็พอใจแล้วนะ เฮ้อ

 

"ใจเย็นน่ายองแจ ว่าแต่ จงออบ.. เราก็มีเรื่องกลุ้มใจใช่ไหม?"

 

เจ้าของตัวตาหยีแสนน่ารักสะดุ้งตัวขึ้นทันที เมื่อหนุ่มปูซานผู้เป็นรูมเมทในทัวร์ครั้งนี้เอ่ยชื่อตนเองขึ้น และความประหม่าก็พุ่งขึ้นในอกทันที เมื่อสายตาทั้ง 3 คู่หันมาจ้องที่ตน และจุนฮงที่นั่งกอดหมอนอยู่บนเตียงของตนก็ขยับมาหาจงออบที่นั่งอยู่ปลายเตียง

 

"เอ่อ.. อ่า.. คือว่า.." ด้วยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เด็กหนุ่มตัวเล็กอย่างจงออบอ้ำอึ้งและพูดไม่ออก

 

"ว่าไง? อยากเล่าหรือเปล่า?" และเสียงของหนุ่มปูซานก็ย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

 

"จะว่ายังไงดีละ อืมม มันก็แค่ไม่ค่อย 'ชัดเจน' นะแหละ แต่ของผมไม่น่าห่วงเท่าจุนฮงหรอก"

 

เมื่อเห็นว่าแววตาทั้ง 3 คู่มีความจริงใจและค่อนข้างเป็นห่วง จงออบก็ตัดสินใจพูดออกมาเล็กน้อย

 

"ผมว่า ผมจะถามพี่ฮิมชานเอง เร็วๆนี้แหละฮะ"

 

"โอเค" เมื่อเห็นว่าน้องชายคนรองไม่ได้มีท่าทางน่าเป็นห่วงเหมือนน้องชายตนเล็ก ยองแจจึงหันมาหาจุนองอีกครั้ง

 

"แล้วเราละ จุนฮง?"

 

"ผม.. ผมไม่รู้ฮะ.. ผมควรจะทำยังไงดี? หรือผม.."

 

"..."

 

"ฮึก.. หรือว่าผมควรจะเริ่มทำใจและตัดใจฮะ?"

 

"เฮ้ย!" "เฮ้ยย!" "จุนฮง!!"

 

"ฮึก"

 

พี่ๆ ทั้งสามคนประ้นมาพร้อมกันสานเสียงอย่างตกใจขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าน้องน้อยคนดีเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

 

ถ้าว่ากันตามตรง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เศร้าโศกเสียใจจนน้ำตาตกในหรอก แต่เป็นเพราะความอึดอัดที่สะสม ความน้อยใจที่ไม่กล้าปรึกษาใคร และความกลัดกลุ้มที่ผสมปนเปมาสักพักแล้วมากกว่านะแหละ จนเด็กน้อยชเวจุนฮงต้องมานั้งเช็ดน้ำตาอยู่อย่างนี้

 

"ใจเย็นๆนะจุนฮง" พี่ชายใจดีอย่างมุนจงออบที่ไม่รู้ว่าจะปลอบยังไงดีให้น้องหยุดร้องไห้ จึงได้แต่ยืนบอกอย่างเก้ๆ กังๆ

 

"ทำไมไม่ลองถามคนรุ่นเดียวกับเขาดูละ?"

 

"..." จู่ๆ พี่ชายจากปูซานที่เงียบไปพักใหญ่ก็พูดขึ้น และเรียกให้สายตาทุกคู้่หันไปหาทันที

 

"นายหมายถึงพี่ฮิมชานเหรอ? จะบ้าหรือไง! ไม่มีทาง เขาอยู่ด้วยกันตล.." / "ใช่ที่ไหนเล่ายองแจ"

 

ก่อนที่ยองแจจะโวยวายออกมา แดฮยอนก็กระชับอ้อมแขนโอบคนรักของตัวเองเข้าหา ก่อนเอ่ยขัดอย่างนุ่มนวลว่า

 

"ยังมีอีกคนน่า นึกดีๆ สิ แถมคนนี้น่าจะรู้จักพี่ยงกุกกว่าใครเลยนะ"

 

"...?"

 

"...?"

 

"...?"

 

"..."

 

"พี่แดฮยอนหมายถึงพี่ยงนัมเหรอฮะ? อึก"

 

"..." ไม่มีเสียงตอบกลับจากพี่แดฮยอน ในคำตอบที่จุนฮงตอบไป หากแต่มีรอยยิ้มร้ายๆ ที่นานๆ จะโผล่มาของหนุ่มปูซานเท่านั้น

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

#ฟิคหมอนบังโล่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เชิงอรรถ

 

 

# It takes one to know one. เมื่อแปลเป็นภาษาไทยเรา จะมีความหมายใกล้เคียงกับสำนวนที่ว่า ผีเห็นผี ส่วนใหญ่จะมีความหมายในแง่ลบ แต่สามารถใช้ในแง่ธรรมดาได้เหมือนกัน ส่วนในฟิคจะหมายถึง คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะดูกันออก ซึ่งก็คือจงออบที่มีเรื่องกลุ้มใจ ดูออกว่าจุนฮงมีเรื่องกลุ้มใจอยู่เหมือนกัน

 

# รูปประกอบเป็นรูปที่เราถ่ายเองและ edit เองค่ะ

 

 

 

 

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
No comments yet