We are Parent - 2

SF BAP By M. Butterfly [BangLo/HimUp/DaeJae]

 

 

 

 

 

You are the only one I want to spend my whole life with

I know anywhere you are, that's where I will call home

So just take my hand and say that will never let it go

Two hearts always beating as one forever more...

 

 

 

 

 

การเป็นพ่อคน.. เป็นแม่คน.. จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงกัน..?

 

 

 

 

 

 

 

อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่กลางห้องน้ำสุดแสนจะกว้างขวางและโออ่า

 

ร่างนวลเนียนของชเวจุนฮงกำลังนั่งอยู่ตรงกลางอ่างอาบน้ำขนาดๆใหญ่ หลังจากที่โดนคุณสามีแบกขึ้นพาดบ่าและพาเข้ามาในห้องน้ำ ร่างอิ่มก็โดนคุณสามีจับลอกคราบ ถอดเสื้อนอนสีอ่อนเนื้อนิ่มออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย

 

และหลังจากที่ยงกุกวางจุนฮงลงบนอ่างน้ำและเปิดน้ำอุ่นให้ เจ้าตัวก็เดินไปหยิบสบู่เหลวกลิ่นลาเวนเดอร์ซึ่งเป็นกลิ่นโปรดของคุณภรรยา ก่อนที่จะเดินกลับไปยังอ่างอาบน้ำ

 

"ป๋ามีเรื่องจะคุยกับหนูเยอะเลยคนดี" เสียงทุ้มดังขึ้นในขณะที่กำลังเทสบู่เหลวสีใสลงในอ่างอาบน้ำหลังใหญ่ แต่ปฏิกริยาของของคุณภรรยาเด็กก็ยังคงนิ่ง คุณแม่คนสวยนั่งกอดเข่าคางชิดอกอยู่กลางอ่างอาบน้ำที่เริ่มมีกลิ่นลาเวนเดอร์เจือออกมา

 

ส่วนสาเหตุที่ร่างอิ่มนั่งก้มหน้าอยู่ก็ไม่ใช่อะไร ก็นะ คุณสามีสุดเฟอร์เฟคเล่นเดินเปลือยอวดร่างกายแน่นเฟิร์มทำเอาจุนฮงเขินอายไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ถึงจะแต่งงานกันมาจนลูกสามแล้ว แต่ชเวจุนฮงก็ยังคงเขินทุกครั้งที่เห็นร่างกายของคุณสามี คุณภรรยาเด็กตัวขาวในตอนนี้นะ หน้าเห่อร้อนจนลามไปถึงใบหู เรียกได้ว่าเขินหน้าไหม้เลยละ

 

แต่คุณสามีอย่างยงกุกที่รู้เรื่องนี้ดี ก็ยังคงแกล้งคุณภรรยาเด็กต่อไป

 

"หนูมีอะไรจะคุยหรือจะสารภาพกับพี่หรือเปล่า? หืมม?" เมื่อเห็นว่าคุณภรรยาตัวขาวยังคงนั่งก้มหน้าเงียบ ยงกุกจึงถามขึ้นอีกครั้ง "เริ่มจากเรื่องถ่ายแบบเป็นไงหืม? เพราะพี่กลับบ้านดึกเลยจะประชดเหรอคนดี?"

 

"หนูไม่ได้ประชด!!"

 

เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นอย่างมีอารมณ์ของจุนฮงทำให้ยงกุกที่กำลังก้มตัวลงนั่งซ้อนหลังภรรยาชะงักเล็กน้อย

 

"จุนฮง เราตกลงกันแล้วไงว่าเราจะไม่เสียงดัง ไม่ใช้อารมณ์ในการคุยกัน" เสียงทุ้มต่ำของเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังแตะลงบนสะโพกอิ่มเริ่มต่ำลงกว่าปกติ

 

"ทำไม? หนูมีเรื่องอะไรจะบอกพี่ใช่ไหม? ใช่! จูมี!" ดวงตาของคนสวยในอ้อมแขนของยงกุกตะหวัดกลับมามองคนเป็นสามี และเอ่ยต่อว่า "หนูจะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงลูก"

 

"ไม่! หนูก็รู้ว่าพี่ไม่ให้จ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกของเรา!" เสียงทุ้มต่ำเข้มขึ้นอีกครั้ง ส่วนแรงของมือบนสะโพกอิ่มก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

"มันไม่ใช่ประโยคคำถามที่จูถามเพื่อขอความคิดเห็นจากพี่! มันคือประโยคบอกเล่า!!" เมื่อเห็นว่าเสียงของคุณสามีเข้มขึ้น จุนฮงก็เปล่งเสียงของตัวเองให้ดังขึ้นเช่นกัน

 

ด้วยก้อนตะกอนอารมณ์ที่ต่างคนต่างมีอยู่ในใจทำให้คุณพ่อและคุณแม่หันหน้าเข้าหากันด้วยแรงอารมณ์ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่เศษตะกอนอารมณ์เล็กๆ ที่ทำให้ขุ่นใจเพียงเล็กน้อยในตอนแรก แต่เพราะเห็นเป็นแค่เรื่องเล็ก คนทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงทิ้งให้เศษตะกอนมันทับถมมากขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นก้อนตะกอนขนาดใหญ่ กลายเป็นก้อนตะกอนอารมณ์ที่ขุ่นมัว รบกวนและบั่นทอนจิตใจในที่สุด นี่คงเป็นอีกบททดสอบของชีวิตคู่ที่คุณแม่อย่างชเวจุนฮงและคุณพ่ออย่างบังยงกุกต้องเจอ

 

สมัยที่เป็นแค่แฟนกัน คนทั้งคู่ไม่เคยเก็บเรื่องที่ตนไม่พอใจอีกฝ่ายเลยสักนิด มีปากเสียง เถียงและทะเลาะกันบ้างตามประสาคนรักโดยปกติทั่วไป แต่เมื่อทั้งสองขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาเป็นคุณพ่อและคุณแม่ สิ่งที่เคยทำก็ต้องปรับเปลี่ยน ทั้งยงกุกและจุนฮงตกลงกันว่าจะไม่เสียงดังใส่กันต่อหน้าลูก เพราะฉะนั้นยงกุกและจุนฮงจึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่ตนไม่พอใจในตัวของอีกฝ่าย และเลือกที่จะอดทนกับมันแทน แต่เหมือนว่าวิธีนี้จะไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไหร่

 

"จู.. จุนฮง พี่เคยบอกหนูแล้วนะว่าเราจะไม่มีพี่เลี้ยง พี่อยากให้พวกเราเลี้ยงลูกกันเอง พี่ไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาช่วย เพราะพี่อยากให้เขาเหมือนเรา ถ้าจะให้พวกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลุงๆ อาๆ ของเจ้าสามแฝดมาช่วยดูบ้างพี่ไม่ติด แต่จะต้องไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้" เมื่อเห็นว่าภรรยาร้อน ยงกุกก็เลือกที่จะเย็น "เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราควรจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ใช่ใครคนอื่นมาช่วย"

 

"ก็ไอ้คนที่ควรจะช่วยมันไม่อยู่ จูก็เลยต้องหาให้ 'ใครคนอื่น' มาช่วยเลี้ยงแทน" คุณภรรยาคนสวยที่มีตะกอนก้อนใหญ่ในใจก็ยังคงร้อน

 

"จูอย่ารวน" เสียงทุ้มที่ยอมลงให้เริ่มอ้อนวอน มือใหญ่เองก็คอยโอบกอดและคลอเคลียให้จุนฮงอารมณ์เย็นและอ่อนลง "นะคนดี เราคุยกันดีๆ นะครับ"

 

และสิ่งที่ยงกุกเตรียมไว้ก็เริ่มออกฤทธิ์ เริ่มทำให้คุณภรรยาเด็กคนสวยอ่อนลง น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำใหญ่ กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่กำลังอวลกลิ่นอยู่โดยรอบและสร้างความผ่อนคลาย ไหนจะสัมผัสที่คุ้นเคยและแสนคิดถึงจากคุณสามีตัวโต สัมผัสที่ส่งผ่านความอบอุ่นมาให้ จุนฮงก็เริ่มมรท่าทีอ่อนลง

 

อ้อมแขนแกร่งของยงกุกโอบรั้งร่างของจุนฮงเข้าหาตัวให้แนบชิดกว่าที่เป็นอยู่ มือหนาถ่ายทอดสัมผัสที่อ่อนโยน ก่อนที่นิ้วเรียวยาวของยงกุกจะเชยคางมนขึ้น ริมฝีปากปากร้อนก็ประกบจุมพิตลงไปเพื่องอนง้อและเอาใจคนในอ้อมแขน

 

ริมฝีปากร้อนของคุณพ่อประทับลงบนกลีบปากสวยของคุณแม่ตัวขาว ความวาบหวามที่คุณสามีมอบให้ทำเอาร่างนวลเนียนของจุนฮงเริ่มสั่นเทิ้ม และร่างของจุนฮงก็ยิ่งสั่นเทิ้มและไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปอีกเมื่อปลายลิ้นร้อนแทรกตัวเข้ามาในโพรงปาก แต่ความร้ายกาจของยงกุกไม่จบแค่นั้น ริมฝีปากร้ายของคุณพ่อตัวโตยังไล่ขบเม้มปากสวยของคุณแม่ตัวขาวจนบวมเจ่อ มือร้อนเองก็ไล่นวดเฟ้นร่างอิ่มอย่างไม่หยุดหย่อน

 

บังยงกุกช่างร้ายกาจ...

 

"อื้อ.."

 

"อืมม.."

 

"อื้มม.. อือ"

 

"อืมม"

 

เมื่อยงกุกผละริมฝีปากออก ร่างขาวเนียนของจุนฮงก็ได้แต่อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงใดๆ จนต้องซบอยู่บนไหล่หนา และซบอยู่อย่างนั้น

 

ศรีษะสวยผงกขึ้นลงที่ไหล่หนา ก่อนจะผละออกมาจ้องใบหน้าหล่อของคุณสามีอย่างช้าๆ "ทำไมพักนี้กลับบ้านดึก? พี่ทิ้งให้หนูเลี้ยงลูกคนเดียว หนูเหงานะ เจ้าหมีก็เหงา"

 

เมื่อยงกุกได้ยินคำถามที่ถามด้วยเสียงที่ตัดเพ้อจากคุณภรรยา มือหนาก็ยกขึ้นและจับปอยผมด้านหน้าของคุณแม่คนสวยทัดหู ก่อนจะเอ่ยเล่าเรื่องราวการสอนงานคุณอาของเด็กๆ รวมไปถึงการถ่ายโอนหุ้นบริษัทกับสตูดิโอให้ภรรยาฟัง

 

 

 

"คือ ช่วงนี้พี่กำลังยุ่งๆ อยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกก็บริษัท Light Alcohol ของมินซูนะแหละ พี่กำลังเทรนงานทุกอย่างให้เจ้ามินซู ทุกอย่างก็กำลังจะเข้าที่แล้วละ" ยงกุกเว้นช่วงและเอ่ยต่อ "ส่วนอีกเรื่องก็ ตอนนี้พี่กำลังโอนงาน The Pub ให้ยงนัม ส่วนตัวพี่จะถอนตัวลงมาเป็นแค่ผู้ถือหุ้นแล้วให้ยงนัมบริหารไป ส่วนยงนัมก็จะโอนงานในส่วนของบริษัทไวน์กับไร่ไวน์ให้พี่ แล้วมันจะถอยลงไปเป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกัน"

 

The Pub คือชื่อสถานบันเทิงครบวงจรของยงกุกและยงนัม สองพี่น้องตระกูลบังสร้างสถานบันเทิงแห่งนี้ด้วยกันสองคน ลงทั้งแรงมือและแรงใจจนทุกวันนี้ The Pub กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่คนดนตรีต้องแวะมา ทั้งหมดทั้งมวลก็เกิดมาจากความรักในเสียงดนตรีของยงกุก

 

"ทำไมละฮะ? The Pub พี่สร้างมันมากับมือ ทำตั้งแต่มหา'ลัย พี่รักมันมาก.." เมื่อได้ฟังคุณสามี จุนฮงคนสวยก็ถามขึ้นทันที

 

"พี่รักมันมากแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญเท่าหนูกับลูก" เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เอ่ยตอบพร้อมกับมองใบหน้าสวยของคุณภรรยาที่เริ่มจะมีน้ำตาคลอ "พี่รู้ว่าหนูเหนื่อย และพี่ก็อยากจะมีเวากับลูกมากกว่าที่เป็นอยู่"

 

"ฮึก"

 

คำตอบจากตนเป็นสามีทำให้จุนฮงตื้นตันไปหมด จนก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอสวย

 

"ขอโทษครับคนดี พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรหนูเลย ทำให้หนูคิดมากจนเก็บไปเป็นอารมณ์ ต่อไปนี้หนูมีอะไรที่ติดใจในตัวป๋า หนูบอกเลยนะ บอกได้ทุกเรื่องเลยคนดี" มือหนาดึงรั้งให้ร่างบอบบางของคุณภรรยาเข้ามาซบอกแกร่งของตน ก่อนจะโอบกอดและปลอบประโลมคุณแม่คนสวยที่กำลังร้องไห้

 

"ทำ.. ฮึก..ทำไม .. พี่..อึก ไม่บอกหนู...เลย" เสียงหวานของคุณแม่ขาดช่วงด้วยเพราะกำลังสะอื้น "ปล่อยให้หนู ฮึก คิดมาก.. มีเรื่องอื่น..อึก อีกหรือ.. เปล่า? ฮึก"

 

"จะว่าไปก็มี" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นตอบในขณะที่กำลังลูบหลังปลอบคุณภรรยา

 

"เรื่องอะไรฮะ?" จุนฮงเอ่ยถามขึ้นพร้อมปาดน้ำตา

 

"Vincit StudiO" เสียงทุ้มของยงกุกตอบ "พี่แบ่งขายหุ้นของพี่ให้เฮียSleepYกับเจ้าDinDinเพิ่ม ตอนนี้ทั้งสองคนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นรองของสตูฯ พี่จะลงมาถือหุ้นที่15% รายละเอียดทุกอย่างอยูในเอกสารในกระเป๋าพี่ ขอแค่หนูเซ็นรับทราบและยินยอม" เสียงทุ้มของคุณสามีอธิบายขึ้นอีกครั้ง

 

"ทุกอย่าง.. เพื่อหนูกับลูก...หรอ?" เสียงของคนสวยในอ้อมแขนของยงกุกดังขึ้นอย่างแผ่วๆ ระคนไม่มั่นใจ

 

"ใช่ครับ พี่อยากมีเวลากับหนู กับลูกมากกว่าเดิม ไหนจะเรื่องที่เราอยากจะมีลูกสาวกันอีก" เสียงทุ้มมากเสน่ห์ของคุณสามีหยุดลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ "ถ้าเราจะมีเจ้าหญิงน้อย ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ได้"

 

"แต่ว่า.. สตูฯ มัน.." ก่อนที่คุณภรรยาเด็กจะได้พูดจนจบประโยค เสียงต่ำของคุณสามีก็ขัดขึ้นก่อน

 

"ไม่มีแต่เลยคนดี พี่ใช้ชีวิตที่อยากจะใช้จนพอแล้ว พี่เต็มกับชีวิตมากจนพี่อิ่มตัวแล้ว พี่รักดนตรี พี่ก็เปิด The Pub เปิดสตูดิโอ หรือแม้กระทั่งทำเพลงจนเป็นที่รู้จัก พี่อิ่มตัวกับมันแล้วจริงๆ"

 

"แต่มันไม่เกินไปเหรอ? ถ้าพี่ยังอยากทำเพลงหนูก็.."

 

"ไม่ใช่ว่าพี่เลิกทำเพลิงสักหน่อยนี่ ห้องอัดที่บ้านเราก็มี ที่Vincitก็ยังมีห้องทำงานของพี่อยู่ พี่แค่จะไม่เข้าไปบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ส่วนงานProducerก็รับเป็นงานๆ ไป" ยงกุกอธิบายให้ภรรยาคนสวยฟังต่อ "หนูละ? พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอะไรหนูเลย"

 

"ไม่เป็นไรฮะ หนูก็ขอโทษนะฮะที่ใช้อารมณ์ แต่ว่า.." เสียงของจุนฮงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจ

 

"แต่อะไรคนดี?"

 

"เรื่องพี่เลี้ยง คือว่า.." จุนฮงลองเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าคุณสามีทำหน้าบึ้งใส่ คุณแม่ตัวขาวก็ลนลานอธิบายออกมา "อย่าพึ่งบึ้งนะฮะ ฟังจูก่อนนะ คือว่า.."

 

"..."

 

"พี่เลี้ยงที่ว่าคือริกกี้กับชางโจเอง คือว่าจูจะให้ริกกี้มาช่วยดูเด็กๆ แล้วก็เป็นผู้ช่วยในบริษัทออกแบบ"

 

"บริษัทออกแบบ?"

 

"ออกแบบเสื้อผ้าเด็กฮะ คือพี่ก็รู้ว่าจูทำเสื้อผ้าให้ลูกเอง จูก็เลยปรึกษากับริกกี้ พี่นีแอลก็จะมาช่วยด้วย ส่วนชางโจจะมาช่วยดูเรื่องพัฒนาการของเด็กๆ แต่อาจมาสองอาทิตย์ครั้ง เพราะชางโจมีโรงฝึกที่ต้องดูแล ไหนงานถ่ายภาพกับเรียนป.โทนอกเวลาอีก"

 

"พูดถึงเรื่องถ่ายภาพ" คำพูดของจุนฮงสะกิดให้ยงกุกนึกถึงอะไรบางอย่างได้ "รูปโปสเตอร์ของบริษัทเจ้ามินซูที่หนูแอบไปถ่าย ฝีมือเจ้าชางโจใช่ไหม?"

 

ริกกี้หรือยูชางฮยอน คือญาติผู้น้องของยูยองแจที่เรียนรุ่นเดียวกับจุนฮง ทั้งคู่เรียนหนังสืออยู่ห้องเดียวกันมาตลอด มีช่วงมหาวิทยาลัยนะแหละที่ริกกี้แยกไปเรียนทางด้านจิตวิทยาเด็ก แต่ก็แอบไปเทคคอร์ส Online Marketing นอกเวลาจนได้ปริญญามาอีกใบ ส่วนชางโจหรือชเวจงฮยอนก็คือเด็กที่มินซูเก็บได้ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ชาวโจเป็นเด็กกำพ้าชาวเกาหลีที่ถูกส่งตัวไปอยู่กับญาติที่ญี่ปุ่น แต่สุดท้ายหนีออกจากบ้านและใช้ชีวิตเป็นนักสู้ใต้ดินหรือUnderground Fighterเพื่อส่งตัวเองเรียน ชางโจบังเอิญไปช่วยมินซูไว้จากการถูกไล่กระทืบ จึงจับพลัดจับผลูรู้จักกันในที่สุด ก่อนจะพากันย้ายกลับมาเกาหลีในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

หลังจากกลับมา ชางโจก็เปิดโรงฝึกศิลปะป้องกันตัวและเริ่มถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก ส่วนมินซูก็กลับมาช่วยยงกุกกับยงนัม เป็นDJเปิดเพลงทีThe Pubบ้างเป็นครั้งคราว และสุดท้ายก็เปิดบริษัทLight Alcoholอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

 

ส่วนนีแอลที่จุนฮงพูดถึงก็คือ แฟนคนสวยของบังมินซูทร่ตอนนี้ทำงานFreelance ออกแบบผลิตภัณฑ์จากสิ่งทอ ทั้งสามคนเป็นคุณอาและคุณน้าของเจ้าสามแฝด แต่การที่จุนฮงบอกยงกุกว่าจะให้มาช่วยดูแลเด็กๆ แบบนี้ คงมีอะไรมากกว่าที่พูดแน่ๆ

 

"เอ่อ คือ.. พี่ตอบหนูก่อนสิ นะ นะ" จุนฮงเริ่มอ้อนคุณพ่อตัวโต

 

"..."

 

"นะ พี่นะ"

 

"..."

 

"นะป๊ะป๋า นะนะ"

 

"เฮ้อออ! มีเรื่องอะไรอีกเล่ามาให้หมดเลยนะหนู รวมถึงเรื่องถ่ายแบบด้วย ส่วนเรื่องที่เราจะให้ริกกี้กับชางโจมาเลี้ยงเจ้าหมีพี่อนุญาติ แต่เล่ารายละเอียดมาให้หมดเลยคนดี มีอะไรที่พี่ไม่รู้อีกใช่ไหม? หืมม?"

 

"ฮี่" เมื่อจุนฮงได้ยินคำตอบของคุณสามีตัวโต ริมฝีปากสวยที่ติดจะบวมเจ่อนิดๆ ก็ฉีกยิ้มกว้างจาตาเป็นสระอิทันที ก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ยงกุกฟังอย่างละเอียด จนยงกุกอดที่จะงงไม่ได้ว่า แค่ตัวเองทำงานหนักและกลับบ้านดึกแค่ไม่กี่วัน จะตกข่าวสารภายในครอบครัวได้ถึงขนาดนี้

 

 

 

"จริงๆ แล้วหนูก็เหมือนพี่นะแหละ จูก็คิดถึงเรื่องมีเจ้าหญิงให้พี่ แต่พี่ก็รู้ว่าจูรักการถ่ายแบบ รักการเต้น จูยังอยากลองทำให้เต็มที่อีกสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่จูอยากจะเต้นหน้ากระจก หรือใส่เสื้อผ้าสวยๆ แล้วไปถ่ายแบบ จูจะรู้สึกผิดทุกครั้ง จูรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ทั้งๆ ที่จูเป็นคุณแม่แล้ว แต่..แต่ จู...ฮึก" เสียงของจุนฮงเริ่มอธิบายอย่างสั่นเครือ

 

"ชู่วว..." เมื่อเห็นว่าภรรยาเด็กคนสวยเริ่มสะอื้นและร้องไห้อีกครั้ง มือแกร่งของยงกุกก็ดึงร่างขาวเนียนของภรรยามากอดทันที "ไม่เอาไม่ร้องนะที่รัก ชู่วว คนดีของพี่ไม่ร้องสิ"

 

"จูอยาก...ทำ อึก ก่อน...ฮึก ก่อนที่..จะมี ลูกสาว" คุณภรรยายังคงพยายามที่ตะพูดต่อ แม้ว่าจะสะอิ้นก็ตาม

 

"ชู่วว" คุณป๊ะป๋าเอ่ยปลอบคุณม๊ะจ๋าอีกครั้ง "จูครับ หนู.. ฟังพี่นะ การที่เราเป็นพ่อเป็นแม่คน มันไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกทำในสิ่งที่เราชอบหรือเลิกทำในสิ่งที่เคารัก เราไม่ได้เห็นแก่ตัวเลยคนดี"

 

'นี่เขาปล่อยให้คนสวยของเขาเครียดและคิดมากขนาดนี้อยู่คนเดียวได้ยังไงกัน บังยงกุกช่างเป็นสามีที่ย่ำแย่ เริ่มแรกจุนฮงก็มีเรื่องให้คิดมากอยู่แล้ว มีความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจทั้งเรื่องความใฝ่ฝันและเรื่องที่อยากจะทำ แล้วเขายังมากลับบ้านดึก สร้างความหงุดหงิดใจให้จุนฮง ปล่อยภรรยาคนดีรับมือลูกชายวัยซนทั้งสามคนเดียวอีก บังยงกุกเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้จริงๆ..'

 

"แต่พี่ยัง.. อึก"

 

"พี่แค่ขายหุ้นVincitบางส่วน กับโอนถ่ายงานThe Pubให้ยงนัม พี่ไม่ได้บอกว่าจะเลิกทำเพลง เลิกยุ่งกับดนตรีสักหน่อย หนูเองก็ยังอยากให้พี่ทำต่อเลยไม่ใช่เหรอคนดี?"

 

"..." แม้จะไม่ได้เอ่ยตอบ แต่คนสวยของยงกุกก็พยักหน้าตอบรับ

 

"พี่เองก็ยังอยากให้หนูทำในสิ่งที่หนูรักต่อเหมือนกัน แต่แค่บอกพี่ให้พี่สกรีนก่อนก็พอ พี่ไม่อยากจะหึงทะลุตาแบบนี้อีก พี่หวงหนูมากนะ"

 

"..." เมื่อได้ยินคุณสามีเอ่ยว่า 'หึง' ออกมา ใบหน้าสวยก็เริ่มมีสีแดงมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

 

"เพราะฉะนั้น อย่าคิดมากอีก หนูจะเต้นหรือจะถ่ายแบบพี่สนับสนุนทั้งนั้น คุณแม่คนสวยยังแซบไฟแรงสูงขนาดนี้จะให้เป็นแม่บ้านเฉยๆ ได้ยังไง"

 

"ขอบคุณ.. ขอบคุณนะฮะป๊ะป๋า" จุนฮงโผตัวเข้ากอดยงกุกทันที ความอัดอั้นต่างๆ ที่อยู่ในใจกำลังคลี่คลาย

 

"ยินดีเสมอครับที่รัก" คุณป๊ะป๋าเองก็โอบกอดคนในอ้อมแขนอย่างแนบแน่นและแนบเนื้อ "ไหนเล่าเรื่องพี่เลี้ยงให้พี่ฟังหน่อยสิคนดี"

 

"อ่า คือ.. พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าริกกี้ออกจากงานเพราะโดนเจ้านายเก่าลวนลามอ่า"

 

"อาฮะ แล้วยังไงต่อครับ?" ยงกุกถามต่อในขณะที่กำลังยกมือถูสบู่ให้ตัวเองกับภรรยาเด็กตัวขาว

 

ยงกุกยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่ริกกี้โดยเจ้านายเก่า ซึ่งก็คือผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการเด็กเล็กลวนลาม เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ชางโจที่ตามจีบเทียวไล้เทียวขื่อริกกี้มาสักพักได้ออกแรงกระทืบผู้อำนวยการนั่นจนเละ เรียกได้ว่าส่งไปพักร้อนที่โรงพยาบาลเลยก็ว่าได้ คงเป็นคราวซวยถึงฆาตของผู้อำนวยการนั่น ก็นะ เจออดีตUnderground Fighterเปิดไปเจอคนที่ตัวเองตามจีบโดนลวนลามอยู่ ไม่น่าจะเหลือซากอารยธรรมอะไร

 

"ตอนนี้ริกกี้ยังไม่ได้งานใหม่ จูก็เลยชวนเพื่อนมาช่วยดูลูกในฐานะพี่เลี้ยง แล้วก็ช่วยจูดูเรื่องโปรเจคออกแบบเสื้อผ้าเด็กด้วย อีกอย่างชางโจชวนริกกี้ให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ก็เลย.."

 

"เดี๋ยวนะหนู" ยงกุกขัดขึ้น "เจ้าชางโจชวนริกกี้ย้ายมาอยู่ด้วย? จีบติดแล้วเหรอ? นี่ก็เท่ากับว่าย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านเรา?"

 

อย่างที่บังยงกุกคุณพ่อตัวโตถาม ด้วยเพราะบ้านหลังใหญ่ของยงกุกมีบ้านคุณลุงยงนัมของเจ้าสามหมีอยู่ทางซ้าย และมีบ้านแฝดสไตล์โมเดิร์นที่เพิ่งปลูกได้ไม่นานของคุณอามินซูและคุณอาชาวโจอยู่ทางขวา ถัดไปอีกนิดก็จะเป็นไร่องุ่นและพื้นที่เปล่าของตระกูลบัง เพราะฉะนั้นถ้าริกกี้ย้ายมาอยู่กับชางโจ ก็หมายความว่าริกกี้ย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านของยงกุกและจุนฮง

 

"ใช่ฮะ ส่วนพี่นีแอลก็ เห็นว่า.. พี่มินซูขอมีเบบี๋ฮะ ก็เลยจะเลิกรับงานFreelanceแล้วทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งลงหลักปักฐานนะฮะ"

 

"อ่า ก็นะ" ยงกุกพยักหน้าเห็นด้วยและเอ่ยตอบภรรยาคนสวยในขณะที่ล้างตัวให้ตัวเองและคุณภรรยา "นีแอลทำงานFreelance เล่นอยู่ประเทศนั้น 4 เดือน ประเทศนี้ 6 เดือน อีกประเทศ 3 อาทิตย์อะนะ"

 

ท่าทีของญาติผู้พี่ไม่ตกใจแม้แต่น้อย แม้จะรู้ว่าบังมินซูน้องชายของตัวเองอยากจะมีลูกทั้งๆ ที่แค่ยังหมั้นกับนีแอลอยู่ ก็นะ คู่นี้เขาอยากให้ลูกโตก่อนแล้วค่อยแต่ง เป็นที่รู้กันดีในครอบครัวเลย

 

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ก็อาบน้ำเสร็จพอดี ถ้าพูดให้ถูกก็ควรจะเป็นยงกุกอาบน้ำให้ตัวเองและจับจุนฮงอาบน้ำอีรอบเสร็จพอดีมากกว่า แขนแกร่งของคุณพ่ออุ้มคุณแม่ขึ้นจากอาบน้ำ ก่อนจะเช็ดตัวให้ร่างขาวเนียนอวบอิ่มในอ้อมแขน และแต่งตัวให้ตัวเองกับคุณภรรยา

 

ส่วนชุดนอนก็เป็นชุดนอนของยงกุก คุณพ่อตัวโตมีกางเกงเกงขายาวเนื้อนิ่มอยู่บนร่าง แต่ท่อนบนนั้นเปลือยเปล่า โชว์กล้ามเนื่อแกร่ง ลายเส้นของรอยสักบนแผงอกและวีคัทงามๆ ให้ภรรยาเด็กใจสั่นเล่น ที่ไม่ได้ใสเสื้อก็เพราะเสื้อนอนเนื้อนิ่มเข้าคู่กับกางเกงที่ใส่อยู่นั้นอยู่บนตัวของคุณภรรยาตัวขาว ใช่ ชเวจุนฮงมีเพียงเสื้อนอนแขนยาวของคุณสามีอยู่บนตัว ท่อนล่างมีเพียงชั้นในตัวบางเท่านั้น ซึ่งชายเสื้อก็ไม่สามารถแกปิดอะไรได้มาก ทำให้จุนฮงต้องอวดขาเรียวสวยไปโดยปริยาย

 

"มาเร็วคุณม๊ะจ๋า มานอนกัน" คุณพ่อตัวโตเรียกคุณแม่คนสวยที่กำลังเก็บกระปุกครีมทาผิวของตนอยู่

 

"ป๊ะป๋า หนูขอใส่กางเกงไม่ไดเหรอ? ขาสั้นก็ยังดี" จุนฮงที่วางกระปุกครีมอ้อนพร้อมกับสาวเท้าเข้าหาคุณสามีที่นั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่

 

"ไม่ครับ หนูแอบไปถ่ายโปสเตอร์y เพราะงั้นเราต้องมาการลงโทษกันหน่อย" แขนแกร่งของยงกุกรั้งให้จุนฮงขึ้นมาบนเตียงและนั่งบนตักของตน "จริงๆ พี่อยากลงโทษหนูโดยการทำลูกสาวด้วยซ้ำ"

 

คุณพ่อตัวโตไม่พูดเปล่า มือใหญ่เองก็ลงน้ำหนักบีบก้นนิ่มๆ เต็มไม้เต็มมือของคุณแม่อีกด้วย

 

"ป๊ะป๋า!! ลามกนะ!"

 

"ทำไมครับ? ก้นนิ่มๆ นี่ของพี่นะ เป็นของพี่มาตั้งนานละ" คราวนี้คุณพ่อก็แอบ(เหรอ)บีบก้นอวบอิ่มเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอีกรอบ

 

"งื้อออ! ไม่ได้นะ พรุ่งนี้ต้องไปดูเจ้าหมีแสดงนะป๊ะป๋า"

 

"ชิชะ! รอดตัวไปนะคุณแม่"

 

พูดจบยงกุกก็ตวัดผ้าห่มคลุมร่างตัวเองกับภรรยา และเข้านอนในที่สุด

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

To be continued

#FicWeR

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เชิงอรรถ

 

 

# คำว่า Vincit จากชื่อ Vincit StudiO ของคุณป๊ะป๋ายงกุกในเรื่อง เป็นภาษาละติน Latin มีความหมายว่า "Win" หรือ "Conquer" ค่ะ

 

# เพลงในตอนต้นของเรื่องเป็นท่อนหนึ่งในเพลง Make Love ของ BIGBANG ค่ะ

 

# รูปประกอบเป็นรูปที่เราถ่ายเองและ edit เองค่ะ

 

 

 

 

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
No comments yet