Chapter 8
Bloody Romance
บัดนี้ดาร่าหนีออกมาจากคฤหาสน์ควอนได้ไกลแล้ว เธอไม่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากใคร
โดยเฉพาะจากไลเคน จากจียง การที่แวมไพร์จะเข้าไปอยู่ร่วมกับไลเคนในคฤหาสน์ของพวกนั้น
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เธอจะต้องทำตัวยังไง? อยู่ได้ยังไง? แล้วที่สำคัญ ..
ดาร่าเองก็ยังไม่รู้ว่าจียงจะเอายังไงกับเธอกันแน่? ไม่อยากเผชิญหน้ากับจียงแล้ว
มันทรมานเหลือเกิน ก็จียงเกลียดเธอมากไม่ใช่หรอ? ..
แต่การหนีออกมาอย่างนี้ดาร่าก็ยังไม่รู้จะไปทางไหนดี? บนโลกนี้ไม่มีที่สำหรับเธออีกแล้ว
ที่เดียวที่นึกออกในตอนนี้ก็คือบ้าน บ้านที่เคยเป็นศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอ
ขณะนี้คนตัวเล็กกำลังหลบอยู่ในสวนสาธารณะใหญ่ไม่ห่างจากคฤหาสน์ปาร์คมากนัก
จากเนินเตี้ยๆภายในสวนแห่งนี้ เธอสามารถมองเห็นคฤหาสน์ของเธอได้อย่างชัดเจน
แต่ตอนนี้มันแทบไม่เหลือสภาพเดิมอีกต่อไป ตัวอาคารหลังใหญ่ที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์ตั้งตระหง่าน
อยู่กลางเมือง กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังที่มีรอยคราบเขม่าสีน้ำตาลไหม้หลงเหลือจากเปลวเพลิง
มหาศาลที่ได้ลุกท่วมทำลายคฤหาสน์ทั้งหลังเมื่อคืนวานนี้ รอบๆบริเวณนั้นมีทหารในเครื่องแบบกองทัพ
อังกฤษเดินรักษาการอยู่เต็มไปหมด ..
ดาร่าเห็นสภาพนั้นก็แทบยืนไม่อยู่ ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ แม้แต่บ้านที่เคยเป็นของเธอก็กลับไปไม่ได้
ร่างบางหลับตาเอนกายพิงต้นไม้แล้วทรุดตัวลงร้องไห้กับชะตาชีวิตอันโหดร้าย
ข้าทำผิดอะไรหรอ? ทำไมทุกคนทิ้งข้าไปหมด? ทำไมไม่พาข้าไปด้วย? .. ดาร่าฟุบหน้าลงกับหัวเข่า
สะอื้นอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว ในเวลานี้ ข้าคิดถึงอ้อมกอดของท่านที่สุด พี่ดองอุค
‘ หมับ บบ! ’ จู่ๆดาร่าก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะแรงกระชากที่ต้นแขนฉุดให้ลุกขึ้น
คนตัวเล็กตกใจเงยหน้าขึ้นมองทันที่ .. ควอนจียง!!
“คิดจะทำอะไร!? บ้ารึเปล่าออกมาเพ่นพ่านแถวนี้!”
จียงพูดเสียงเข้มอย่างหัวเสีย ใบหน้าโกรธจัดแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเค้ากำลังโมโหมาก
“ปล่อย!! อย่ามายุ่งกับข้า”
ดาร่าพยายามสะบัดแขนออกจากมืออันแข็งแกร่ง ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาก้มหนี
‘ ข้าไม่อยากอ่อนแอให้เจ้าต้องสมเพชหรอก ’ จียงเห็นภาพนั้นก็ใจอ่อนยวบอีกครั้ง
หยดน้ำใสๆบนใบหน้าหวานที่น่าหลงใหลทำให้ไลเคนหนุ่มต้องถอนหายใจยาว
ก่อนจะเลี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่อยากมองภาพที่จะทำให้เค้าใจอ่อน ..
“กลับเดี๋ยวนี้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงจียงลากแขนดาร่าให้ออกเดินทันที
“ไม่!!! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ทำไมข้าต้องกลับไปกับเจ้าด้วย?”
ดาร่าสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดออกจากการเกาะกุม ทำให้จียงหันขวับมามองตาขวาง
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ จะมายุ่งกับข้าอีกทำไม? เราไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันตรงไหนเลย มายุ่งกับข้าตั้งแต่
แรกทำไม? เป็นความผิดของเจ้าคนเดียว!”
ดาร่าพูดเสียงแข็งเป็นเชิงตัดพ้อสายตากร้าวมองจ้องกลับอย่างไม่นึกกลัวไลเคนคนนี้อีกต่อไปแล้ว
“แล้วเจ้าจะไปไหน? จะเร่ร่อนไปทั่วอังกฤษแล้วให้เชวซึงฮยอนมันจับไปทำเมียหรอ!?”
จียงพูดโพล่งออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ .. ‘ ใช่สิ เจ้ากับข้าเรามันไม่เกี่ยวข้องกัน ’
‘ เพี๊ยะ ะะะะ!!!!! ’ เสียงฝ่ามือบอบบางปะทะใบหน้าจียงอย่างแรง
ดาร่าหน้าตึงรู้สึกรังเกียจต่อคำพูดที่ได้ยินจนโกรธถึงขีดสุด .. ‘ ข้าเกลียดชื่อนี้!!!!! ’
“ต่ำที่สุดเจ้าพูดอะไรออกมา! อย่ามาพูดจาดูถูกข้า และอย่าเอ่ยชื่อนั้นให้ข้าได้ยินอีกเป็นอันขาด แล้วถ้า
ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า!!!” แวมไพร์สาวพูดจบก็วิ่งออกไปทันที ..
จียงนิ่งกำหมัดแน่น ลังเลกับตัวเองว่าจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อเจ้าตัวเค้าปฏิเสธซะขนาดนั้น ..
จะไปวุ่นวายกับเค้าทำไม? คนที่ฆ่ายองเบปล่อยให้โดนจับหรือไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ?
จะไปสนใจทำไม? .. ‘ นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่? ’
แต่จู่ๆเสียงเอะอะโวยวายก็ดังแว่วมาจากทิศทางที่ดาร่าวิ่งไป
“คนนั่นอ่ะหยุดเดี๋ยวนี้นะ! มาเพ่นพ่านแถวนี้ทำไม รู้มั๊ยว่าบริเวณนี้เป็นเขตหวงห้าม เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ เจ้านี่หน้า
คุ้นๆ” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทำให้จียงต้องตั้งใจฟัง
ตอนนี้เค้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก ..
“เฮ้ย ยย!! คนของพวกปาร์คนี่หว่า เหมือนรูปวาดที่พวกแวมไพร์ให้มาเลย เฮ้ย จับไว้!!”
ได้ฟังแค่นี้จียงก็พอจะเดาได้แล้วว่ากลุ่มคนที่โวยวายกันตรงหลังพุ่มไม้ใหญ่ไกลๆนั่งคงเป็นทหารอังกฤษ
ที่เดินเวรยามอยู่แน่นอน แล้วคนที่กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ก็คงจะเป็นดาร่าแน่ๆ
“โธ่เว้ย ยยยยย!!!”
ไลเคนหนุ่มสบถกับความโลเลของตนเองก่อนจะวิ่งไปทางต้นเสียงทันที นี่เค้าทำตัวไม่ถูกแล้ว
‘ นี่ข้าต้องการอะไรกันแน่? ต้องแก้แค้นให้ยองเบไม่ใช่หรอ? แต่สิ่งที่ข้ากำลังทำมันกลับตรงข้ามโดย
สิ้นเชิง .. บ้าจริง!!! ’ ..
เมื่อไปถึงภาพที่จียงเห็นคือดาร่ากำลังต่อสู้กับทหารนับสิบที่กำลังรุมล้อมอยู่
ทุกคนล้วนพยายามเข้ามาจับตัวแวมไพร์ที่ตกอยู่ในวงล้อมให้ได้ แต่ก็โดนร่างบางซัดด้วยคลื่นพลัง
จนกระเด็นออกไปทีละคน หากแต่ทหารที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆทำให้สถานการณ์ของดาร่าแย่ลงทุกที
จียงไม่รอช้าพุ่งตรงเข้าไปช่วยทันที ไลเคนหนุ่มกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าผู้สง่างามกระโจนเข้ากลางวง
ก่อนเริ่มจัดการพลทหารมากมายจนในที่สุดก็เอาเค้าไว้ไม่อยู่ ฉุดแขนดาร่าวิ่งหนีทหารที่ไล่ตามออกมา
ถนนหนทางของอังกฤษในช่วงหัวค่ำที่ยังมีคนเดินพลุกพล่านไปทั่ว ทั้ง 2 วิ่งกลืนหายเข้าไปในหมู่คน
ที่สามารถช่วยพลางตัวคนทั้งคู่จากสายตาของทหารได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จียงจะลากดาร่าเข้าไปหลบ
ในตรอกลึกไร้ผู้คนและแสงไฟส่องถึง .. จียงกับดาร่านั่งคู้แทบจะชิดกันในซอกแคบๆ
ต่างก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้และหลบหนีเมื่อซักครู่
ทั้ง 2 ระแวดระวังเฝ้ามองไปที่ปากทางจนเห็นว่าทหารวิ่งผ่านไปหมดแล้ว
ในที่สุดความเงียบก็เข้าครอบคลุมอีกครั้ง ..ทั้งคู่เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
ดาร่าหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของจียงที่รดต้นคอเธออยู่
แผ่นหลังของเธอสัมผัสแนบสนิทกับร่างไลเคนจนสามารถรับรู้ถึงแรงกระเพื่อมขึ้นลงจากแผ่นอกของคนที่
นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง .. คนตัวเล็กรีบเขยิบตัวออกจากจียงทันที แต่กลับถูกแขนแกร่งโอบรัดเอวไว้
“จะไปไหนอีก แค่นี้ยังหาเรื่องใส่ตัวไม่พอใช่มั๊ย?”
จียงพูดเชิงดุแต่น้ำเสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความเวทนาสงสารและเห็นใจที่มีต่อ
ดาร่า อีกทั้งความรู้สึกลึกๆของตนเองมันเริ่มเอาชนะความอาฆาตแค้นได้ทีละน้อย ทีละน้อย ..
เมื่อมาถึงขั้นนี้ คนตัวเล็กก้มหน้านิ่งไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะเธอกำลังคิดใคร่ครวญบางสิ่งที่อยู่ในใจ
บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ สิ่งที่กำหนดอนาคตของเธอ ..
“ควอนจียง” ดาร่าพูดขึ้นเบาๆแล้วเงยหน้าที่เอนพิงอกของร่างสูงขึ้นมองคนที่ก้มมองตอบตามเสียงเรียก
“หืม มม?”
“คือ .. สิ่งที่ข้าจะพูดเป็นความตั้งใจจริง ข้าไม่ได้อยากประชดท่านแต่อย่างใด อยากให้ท่านตั้งใจฟังมันให้
ดี แล้วได้โปรดทำตามความต้องการของท่าน ไม่ต้องคิดถึงข้า”
จียงขมวดคิ้วอย่างสงสัย ดาร่ากำลังพูดอะไร? จึงนิ่งเงียบเพื่อตั้งใจฟัง ..
“ท่านต้องการแก้แค้นให้เพื่อนของท่านใช่มั๊ย? ถ้าใช่ ก็จงลงมือซะเดี๋ยวนี้ ข้าพร้อมแล้ว ข้ารู้แล้วว่าการ
สูญเสียคนที่เรารักมันเป็นยังไง มันทรมานเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ ไม่แปลกเลยที่ท่านคิดจะฆ่าข้า จงทำ
เพื่อเพื่อนของท่าน ไม่เช่นนั้น หากเลยช่วงเวลานี้ไป ข้าจะไม่ยอมให้ท่านง่ายๆแบบนี้อีกแล้ว
เพราะข้าเองก็ต้องล้างแค้นเช่นกัน”
ดาร่าขืนตัวออกหันมานั่งเผชิญหน้ากับจียงก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ..
ถ้าตายไปได้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไปอยู่กับทุกคน แล้วเธอก็ยินดีที่จะตายด้วยน้ำมือของจียง
ทั้งสิ่งที่ได้ยินและภาพที่เห็น ทุกการกระทำของดาร่าเหมือนตั้งใจจะทำให้หัวใจของเค้าอ่อนระทวย
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ บางสิ่งบางอย่างที่ถูกกดไว้ในใจของจียงกำลังจะชนะ
ใบหน้าขาวเนียนที่ยังคงมีคราบน้ำตา ขนตายาวงอนบนดวงตาที่หลับพริ้ม
ริมฝีปากแดงที่ถูกกัดแน่นซึ่งเค้าเคยได้ลิ้มลองมันโดยไม่รู้ตัว เรือนร่างบอบบางที่อยู่เพียงแค่เอื้อม
เห็นแล้วมันอยากจะ .. ไลเคนหนุมเงื้อมือขึ้นกลางอากาศก่อนกระชากร่างตรงหน้ามาสู่อ้อมแขน
การกระทำนี้เล่นเอาดาร่าตาโตด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าผลตอบรับจะเป็นแบบนี้ เธออุตส่าห์เตรียมใจ
ไว้แล้วแท้ๆ .. ดาร่าเผลอไผลนิ่งอยู่ในอ้อมกอดที่ยากจะปฏิเสธอยู่นานแสนนาน
ไม่รู้ทำไม ไม่มีวินาทีไหนเลยที่เธออยากจะขืนตัวออกจากความอบอุ่นนี้
แวบหนึ่งในความคิด เธออยากจะให้จียงเป็นคนนั้น ที่พึ่งคนเดียวที่เธอยังเหลืออยู่
แต่คนตัวเล็กก็ไม่กล้าจะคิดต่อ เพราะกลัวความจริงที่ยากจะคาดเดา ..
“เอ่อ ปล่อยข้าเถอะ ข้าให้ท่านฆ่าข้านะ ไม่ใช่ทำแบบนี้”
ดาร่าพูดตะกุกตะกัก เสียงเบาด้วยความจริงจัง แต่กลับทำให้คนที่ยังกอดเธอไว้แน่นหัวเราะออกมาน้อยๆ
อย่างห้ามไม่ได้ ขำในคำพูดที่ดูไร้เดียงสานั้น .. แล้วจะมีใครรู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ยองเบตาย
นี่เป็นเสียงหัวเราะแรกที่หลุดออกมาจากไลเคนหนุ่มคนนี้
“หัวเราะอะไร? นี่ข้าจริงจังนะ หัวเราะทำไม?”
ดาร่าถามอย่างไม่เข้าใจและติดจะเคืองอยู่นิดๆ เอามือตีแขนคนที่พยายามข่มอารมณ์ขันของตัวเองไว้
ในขณะที่เธอจริงจัง อีกคนกลับหัวเราะ บ้าที่สุด! .. แต่เมื่อไลเคนหนุ่มรู้สึกตัว เค้าก็กลับมาตีหน้าจริงจัง
“ไปอยู่กับข้า นี่คือคำสั่ง จะถือว่าเป็นการลงโทษก็ได้ ห้ามหนีออกมาอีกเข้าใจมั๊ย?”
“ไม่ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับการแก้แค้นเลย ทำไมข้าจะต้องไปกับท่าน” ดาร่าปฏิเสธเสียงแข็ง
“แล้วเจ้าจะไปอยู่ที่ไหน? ข้างนอกนี่มันอันตรายขนาดไหนเมื่อกี้เจ้าก็เห็น เจ้าคนเดียวเอาตัวไม่รอดหรอก
ถ้ายังอยากจะมีชีวิตรอดเอาไว้แก้แค้นให้ครอบครัวล่ะก็ ทำตามที่ข้าสั่ง”
จียงลุกขึ้นก้มมองคนที่ทำสีหน้าครุ่นคิด ดาร่าลังเล จริงอย่างที่จียงพูด แต่เธอก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับจียง
อีกแล้ว ยิ่งอยู่กับคนๆนี้มันยิ่งเป็นการสร้างความทุกข์ใจให้เธอมากไปอีก ..
“ไม่ ข้ามีทางออกของข้าอยู่ละ ว๊าย ยย!..”
ไม่ทันจะพูดจบ คนตัวใหญ่ก็เผด็จการอุ้มดาร่าพาดบ่า กรงเล็บงอกออกมายึดเกาะกำแพง
ไต่ขึ้นหลังคาอาคารทรงสูงก่อด้วยอิฐอย่างช่ำชอง ก่อนเคลื่อนไหวอย่างว่องไวกระโดดไปตามหลังคา
ตึกรามบ้านช่องรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะสังเกตเห็นทัน มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ควอนอีกครั้งหนึ่ง ..
.
.
“พี่ยองเบบ้า! เอามันออกไปนะ แหยะ ข้าเกลียดมัน!!”
เด็กสาวตัวน้อยแชรินร้องลั่นน้ำตาเล็ดเมื่อโดนเด็กชายอีกคนแกล้งแหย่จับหนอนตัวอ้อนสีเขียวมาใกล้
“ฮ่าๆ ๆๆๆ คนอะไรไม่รู้ขี้แยชะมัด แค่นี้ก็ร้องไห้ แชรินกลัวหนอน แชรินกลัวหนอน”
เด็กชายแสนซนทงยองเบ พูดล้อพร้อมหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ และเมื่อเห็นอาการอย่างนั้น ..
ก็ยิ่งได้ใจ จับหนอนวิ่งไล่แชรินที่ตัวเล็กกว่าไปทั่วสนามหญ้าหน้าบ้าน
“ไม่เอานะ ไอ้พี่ยองเบบ้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อ ท่านแม่ ฟ้องพี่จียง ฟ้องซึงรี ฟ้องทุกคนเลย”
ร่างเล็กตะโกนด่าเสียงแจ้วๆ ในขณะที่ขาสั้นก็ยังก้าวจ้ำต่อไปไม่คิดชีวิต
“นั่นแน่ แชรินขี้ฟ้อง แชรินขี้ฟ้อง แชรินขี้ฟ้อง วู้วๆ ๆๆ” ยองเบพูดพลางวิ่งไล่อีกคนต่อไป
‘ ผลั่ก กกก!!!! ’ ไม่ทันระวังหนูน้อยแชรินก็ล้มลงอย่างจัง ไปกองกับพื้นหญ้า
“โอ้ย ยย! ฮือ ออออ ฮือ ออ..” แชรินร้องไห้โวยวายด้วยความเจ็บ ..
“เฮ่ย ยย!!! เป็นอะไรรึเปล่า?” ยองเบหน้าซีดรีบปล่อยหนอนในมือ
วิ่งเข้าไปดูอาการของแชรินด้วยความเป็นห่วง .. “ไปให้พ้น! ข้าเกลียดพี่แล้ว ข้าเกลียดพี่ยองเบ!!”
“ยองเบ!! ทำอะไรของเจ้า แกล้งคุณหนูอีกแล้วหรอ?”
เสียงคุ้นหูของผู้เป็นพ่อ คนรับใช้คนสนิทของตระกูลควอนดังขึ้นทำยองเบสะดุ้งโหยงกลืนน้ำลายลงคอ
เค้าเดาได้เลยว่าคงต้องโดนทำโทษอีกแน่ๆ ..
“เจ้าเข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้! เจ้าโดนกักบริเวณขัดรูปปั้นในคฤหาสน์ให้เสร็จ แล้วก็ห้ามออกมาเล่นกับคุณหนู
จียงทั้งอาทิตย์!” .. คำสั่งประกาศิตเล่นเอาเด็กชายคอตก ผิดกับอีกคน
“แบร่ๆ สมน้ำหน้า” แชรินหยุดร้องไห้ทันที หันมาแลบลิ้นใส่คนที่เดินหน้าหงอยเข้าบ้านไปเงียบๆ
แต่ก็ไม่วายหันกลับมาเบะปากใส่คนที่นั่งอ้อนพ่อของตนอยู่ที่พื้น ..
“คุณหนูครับ คุณหนู ถึงแล้วครับ”
เสียงที่คล้ายกับในความฝันเมื่อครู่ดังขึ้น เพียงแต่เวลาที่ผ่านไปทำให้ฟังดูอิดโรยตามสังขาร
เสียงนั้นปลุกแชรินที่สะลึมสะลือให้ตื่นจากความฝันถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก
หญิงสาวลืมตาขึ้นมา แล้วก็ต้องหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อแสงแดดส่องผ่านม่านบางๆในรถเข้ามาแยงตา
ในตอนนี้เธอได้มาถึงเวลส์แล้ว สถานที่อันเป็นบ้านเกิดของทงยองเบ ..
สถานที่ที่เธอคิดจะมาพักผ่อนเพื่อลืมความวุ่นวายยุ่งเหยิงในลอนดอน
คนตัวเล็กได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ที่คุณลุงฮยอนจาแนะนำว่าเป็นยายของยองเบ
สภาพบ้านเมืองภายในชนบทของเวลส์ช่างต่างกับเมืองหลวงยิ่งนัก บ้านมีพื้นที่กว้างขวางหลายเอเคอร์
สำหรับทำการเกษตร ทำให้แต่ละครอบครัวปลูกบ้านอยู่ห่างกันพอสมควร ส่วนบ้านของครอบครัวยองเบ
ปลูกองุ่นเพื่อนำมาทำไวน์ชั้นเยี่ยมที่มักถูกไปยังคฤหาสน์ควอนเป็นของฝากอยู่บ่อยๆ ..
หลังจากที่แชรินเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ขอตัวไปเดินสำรวจบริเวณไร่
เพราะได้รับอนุญาตให้เก็บองุ่นทานเล่นได้ตามใจชอบ คนตัวเล็กเดินไปตามแถวแนวของต้นองุ่น
ที่ปลูกเรียงกันเป็นระเบียบสุดลูกหูลูกตา มือเล็กเอื้อมไปเก็บผลองุ่นอ้วนๆเม็ดกลมสีม่วงสดชวนลิ้มลอง
แชรินกัดชิมมันแล้วก็แอบอมยิ้มเพราะมันช่างอร่อยสมราคาที่ยองเบเคยคุยโม้ให้ฟัง
สาวน้อยอดใจไม่ไหวเอื้อมมือหวังจะไปเด็ดอีกลูกหนึ่ง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ..
‘ ฉึก กก!!! ’ กริชเล่มเล็กลอยมาอย่างรวดเร็วจากที่ใดไม่ทราบ
ปักลงบนพวงองุ่นเฉียดมือขาวเนียนของแชรินไปเพียงนิดเดียว
“เจ้าทำอะไร เป็นขโมยรึไง!!?” เสียงพูดเอาเรื่องดังมาจากด้านหลังของคนที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
แล้วในวินาทีที่แชรินหันหลังกลับไป เธอก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้แทบหยุดหายใจ เจ้า? .. เจ้า???
“พี่ยองเบ!!!!!!!!!”
แชรินอุทานด้วยความตกใจสุดขีด ก็พี่ยองเบตายไปแล้วไม่ใช่หรอ? แล้วนี่ทำไม? ..
คนตัวเล็กตาโต ในหัวมันขาวโพลนไปหมด ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“ว่าไง ข้าถามว่ามาทำอะไรในไร่ของคนอื่น จะขโมยรึไง?”
ชายที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นพูดด้วยท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย จ้องเขม็งไปยังคนที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
แล้วเดินตรงเข้าไปใกล้ .. “แล้ว เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไงห๊ะ!!!??”
ยองเบตวาดเสียงดังทำเอาแชรินหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ตอนนี้เธอสับสนไปหมดแล้ว
ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่มันคืออะไร? ทำไมพี่ยองเบถึงเป็นแบบนี้? นี่ไม่ใช่พี่ยองเบของเธอ ..
“ขะ ข้า..” คนตัวเล็กได้แต่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น สีหน้าเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“เงียบอยู่นั่นแหล่ะ เป็นใบ้รึไง? ไอ้พวกหัวขโมย!”
ตอนนี้ยองเบเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่ยืนตัวสั่นเครือ ความสับสนวุ่นวายมันอัดแน่นเต็มความคิดไปหมด
“ไม่ใช่! เจ้าไม่ใช่พี่ยองเบของข้า ไปให้พ้น!!”
ด้วยน้ำตาที่เริ่มจะคลอเบ้า แชรินผลักอกคนตรงหน้าแล้วรีบหันหลังวิ่งลึกเข้าไปในไร่องุ่นทันที
ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งๆที่เสี้ยววินาทีหนึ่งนั้น เธอคิดว่าจะได้พี่ชายคนเดิมกลับมา
แต่ความสุขและความดีใจทั้งหมดมันก็พังทลายลงดื้อๆ เธอกำลังจะต้องเสียใจเป็นครั้งที่2โดยไม่ทันตั้งตัว
ส่วนคนที่เหลืออยู่ ด้วยความงุนงงตกใจหรืออะไรบางอย่างที่เค้าเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้
ทำให้ยองเบรีบวิ่งตามร่างบางไปทันที .. ‘ เมื่อกี้ที่ข้าเห็น เจ้าร้องไห้หรอ? ’
แชรินวิ่งตรงลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในหัวที่ว่างเปล่าไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะไปไหน
แต่ขอแค่ไปห่างๆจากภาพที่มันทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดก็พอ ..
‘ ตุ้บ บบบ!!!! ’ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว แชรินพลั้งตกลงไปในหลุมกับดักใหญ่ตรงหน้า
คนตัวเล็กลงไปนั่งหน้านิ่วด้วยความเจ็บ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนเศษดินเต็มไปหมด
และไม่แน่ใจด้วยว่าแขนเธอกำลังหักอยู่รึเปล่า? ..
“เหอะ! เจ้านี่มันขโมยจริงๆด้วย เพราะนี่มันหลุมดักขโมยที่ข้าทำไว้ ถ้าไม่ใช่ขโมยตัวจริงคงไม่โง่ตกลงไปหรอก” อีกคนที่ตามมาถึงก้มลงมองเบื้องล่าง พูดจาเยาะเย้ยคนที่นั่งแหมะอยู่ข้างล่าง
ด้วยสายตาที่ดูหมิ่นแทบจะไม่ผิดกับอีกคนที่มองกลับขึ้นมา สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและชิงชัง
กำลังถูกส่งผ่านแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสๆคลออยู่ ..
“แล้วนั่นจะร้องไห้ทำไม? อ่อนแอจริงนะ ท่าทางบอบบางทำเป็นออเซาะ เจ้านี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
คนที่ยืนอยู่ข้างบนกอดอกทำสายตาจาบจ้วงมองละเอียดสำรวจไปทั่วส่ายหน้าช้าๆ ตั้งใจใช้คำพูดยั่ว
“ไปให้พ้น! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า ไอ้คนเลว เอาพี่ยองเบของข้าคืนมา!”
แชรินตะโกนด่าออกไปอย่างห้ามไม่ได้ คนๆนี้กำลังทำลายความทรงจำดีๆที่เธอมีต่อยองเบคนเดิม
ทั้งๆที่รู้ดีว่า 2 คนนี้ไม่ใช่คนเดียวกันแน่ เพียงแค่หน้าตาเหมือนกัน
ทำไมจะต้องทรมานใจอย่างนี้นะ? .. อย่าหวั่นไหวสิ แชริน
“เจ้านี่พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง ข้าเคยไปเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เฮ้อ ออ ข้าเบื่อจะฟังแล้ว เอาล่ะ หาทาง
ขึ้นมาเองละกัน ข้าไม่มีเวลามาใส่ใจกับพวกคนเร่ร่อนจิ๊กของชาวบ้านทั้งวัน ไม่จับเจ้าส่งทหารก็เมตตาแค่
ไหนแล้ว เจ้าน่าจะขอบคุณข้าถึงจะถูก” พูดจบยองเบก็ทำท่าจะหันหลังกลับ ..
แต่จู่ๆหางตาก็ทันเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างด้านหลังทำให้เค้าต้องชะงักหันขวับกลับไปมองทันที
“ไลเคน!!” ร่างสูงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนที่นั่งหมดหนทางอยู่ข้างล่างเมื่อครู่
ซึ่งตอนนี้นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพัน มือทั้ง 2 มีอุ้งเล็บยื่นยาวออกมา
กำลังยึดเกาะปีนขึ้นจากหลุมอย่างยากลำบากเนื่องจากแขนข้างหนึ่งดูเหมือนจะใช้การไม่ได้
แชรินในตอนนี้คลานขึ้นมาจากปากหลุม กึ่งนั่งกึ่งนอนย่างอ่อนล้าอยู่บนพื้นดินร่วนอันเปียกชื้น
คนตัวเล็กหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย เม็ดเหงื่อเกาะพราวบนหน้าผากและจมูกโด่งรั้น
ริมฝีปากบางถูกกัดแน่น และสายตาอันเคียดแค้นนั้นจ้องกลับมายังคนที่ยืนตะลึง
ในเวลานี้ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง ไม่มีฝ่ายใดจะยอมละไปไหน เหมือนกับจะประกาศสงคราม
แห่งความบาดหมางตั้งแต่แรกที่ได้พบกัน แต่แล้วจู่ๆก็มีบางสิ่งมาหยุดมัน ..
“ยองเบ!!!! นั่นเจ้าทำอะไรคุณหนูน่ะ!!??”
เสียงหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลังไกลๆนั่นทำให้ยองเบหันขวับกลับไปมอง
“พ่อ!! ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไลเคนหนุ่มถามชายที่เดินผ่านหน้าเค้าไปด้วยความแปลกใจ
ที่เห็นพ่อของตนอยู่ที่นี่ในเวลานี้ เค้าไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าพ่อมาถึงแล้ว ..
“คุณหนู เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ? เจ็บตรงไหนรึเปล่า? ไอ้เจ้านี่มันทำอะไรท่าน?”
นายทงฮยอนจาไม่ใส่ใจสิ่งที่ผู้เป็นลูกชายถาม เดินอ้อมหลุมใหญ่ตรงรี่ไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง คือข้าซุ่มซ่ามตกลงไปเอง แขนหักนิดหน่อยมั้ง? แต่เดี๋ยวก็หาย”
แชรินพูดออกไปกลัวว่าจะทำให้คุณลุงเป็นห่วงแล้วฝืนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ทั้งที่ตัวเองกำลังเจ็บไม่น้อย
“พ่อ นี่ท่านรู้จักยัยนี่ด้วยหรอ?”
ยองเบถามด้วยความสับสน เธอเป็นใครกัน? ทำไมพ่อถึงดูห่วงใยประคบประหงมนัก?
“เลิกหยาบคายกับคุณหนูซักที นี่คือคุณหนูแชรินแห่งตระกูลควอน คนที่เจ้าจะต้องเคารพ”
ผู้เป็นพ่อหันมาดุลูกชายจอมเฮี้ยวของตนก่อนจะพยุงตัวแชรินลุกขึ้นแล้วพาเดินผ่านคนที่ยังยืนสับสน
ทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น ได้แต่มองตามไปด้วยความรู้สึกมากมายปะปนกันอยู่ กลับสู่บ้านของเค้า ..
บ้านที่กำลังจะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เรื่องราวบางอย่างที่รอแชรินไลเคนสาวน้อยคนนี้อยู่ข้างหน้า
.
.
“เอ้า! อยากลงใช่มั๊ย ตามใจ!!!”
ควอนจียงเหวี่ยงร่างบางที่เคยดิ้นอยู่ในอ้อมแขนเมื่อครู่ลงสู่เตียงนุ่มในห้องสีครีมสบายตาห้องเดิม
ที่ดาร่าเคยนอนสลบไสลอยู่เป็นวัน .. “ฤทธิ์เยอะดีจริงๆ พวกแวมไพร์”
จียงกระแทกเสียงใส่อย่างเหนื่อยใจ ตลอดทางกลับคฤหาสน์ดาร่าทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งกัดทั้งอะไรสารพัด
ที่จะลงจากบ่าของเค้าให้ได้แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ชายหนุ่มเสียแรงไปไม่น้อย
“ก็ใครล่ะ! บังคับข้ามาทำไม? ข้าบอกแล้วว่าข้ามีทางออกของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้ใครมาช่วย
ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!!!” ดาร่าตวาดกลับตาขวาง ตะลีตะลานจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ถูกขืนจับเหวี่ยงไปดังเดิม
“อยู่ที่นี่แหล่ะ อย่าดื้อให้มันมากนักนะ ตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนยังไม่รู้ตัวอีกรึไง?”
จียงพูดเสียงดังจนดาร่าสะดุ้งแล้วก็ต้องนิ่งเงียบไป อันที่จริงเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอ
นั้นยังมีเหลือด้วยหรอ? เธอยังนึกอะไรไม่ออกเลย แต่ที่พูดกับจียงไปอย่างนั้นเพราะเธอไม่อยากเกี่ยวข้อง
กับคนๆนี้แล้วก็เท่านั้นเอง อยากให้จียงปล่อยเธอไปตามทาง ..
“แล้วเจ้าจะให้ข้าอยู่ที่นี่ทำไม? จะช่วยข้าไว้ทำไม? ก็ไหนเจ้าบอกว่าเกลียดข้า จะแก้แค้นข้า ก็ข้าเป็นคน
ฆ่าเพื่อนเจ้าไม่ใช่รึไง!??” คนตัวเล็กโพล่งออกไปดูเหมือนจะเป็นการโต้แย้งแข็งข้ออย่างไม่ลดละ
แต่อันที่จริงแล้วมันกลับกลายเป็นการตัดพ้อ แฝงความน้อยใจอยู่ลึกๆ
‘ จริงสิ .. ข้ากำลังทำผิดคำพูดที่สัญญาไว้กับยองเบ แล้วข้าจะทำยังไงดี? ’
“หึ! ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่างนะ ที่ให้มาอยู่ที่นี่ข้าไม่ได้คิดจะช่วยเจ้าแม้แต่น้อย กลับกัน
ข้าอยากจะทรมานเจ้าให้มันเจ็บปวดกว่าความตายซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรอคอยผลลัพธ์อัน
สาสมกับสิ่งที่เจ้าทำอยู่ที่นี่ กับข้า เพราะตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นคนตัดสินชีวิตของเจ้าเอง เข้าใจไว้ซะ”
ไลเคนหนุ่มตัดใจพูดด้วยสีหน้าที่น่ากลัวแล้วหันหลังกลับ เดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้สนใจคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะเค้าไม่กล้า ไม่อยากใจอ่อนไปมากกว่านี้ ..
แค่นี้เค้าก็สับสนในการกระทำของตัวเองมากพอแล้ว
คำพูดที่ได้ยินมันเชือดเฉือนใจดาร่ายิ่งนัก ทรมานยิ่งกว่าความตายงั้นเหรอ? เจ้าทำมันสำเร็จแล้วล่ะ
สายตาเกลียดชังเมื่อกี้ที่เจ้ามองมามันก็ทรมานยิ่งกว่าอะไรในโลกแล้วล่ะ .. ควอนจียง
แวมไพร์สาวกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใต้มือเรียวทั้ง 2 หยดน้ำตาไหลออกมาเป็นครั้งที่
เท่าไหร่แล้วดาร่าเองก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่า เธอไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อน เสียใจที่สุด โดนเกลียดซะแล้ว ..
.
.
“เป็นไงบ้างคุณหนูดีขึ้นมั๊ย? เดี๋ยวคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วย ถ้าออกไปอาบแสงจันทร์แขนคงหายเร็วขึ้น
วันพรุ่งนี้กระดูกก็คงต่อกันแล้วล่ะ” เสียงหญิงแก่คนหนึ่งพูดขึ้นพลางพันผ้าสีขาวรอบข้อศอกคนเจ็บ
แชรินกัดปากเป็นระยะพยายามข่มความเจ็บของตนเองเอาไว้ ตอนแรกที่โดนใหม่ๆยังไม่เจ็บเท่านี้เลยนี่นา
ในตอนนี้แชรินกำลังนั่งอยู่ภายในห้องครัวของบ้านสไตล์ชนบทแถบตะวันตกสมัยโบราณ
กระจกใสที่มีแสงแดดส่องผ่านเข้ามาเป็นแถบเล็กๆถูกปิดด้วยผ้าม่านถักลายลูกไม้
โดยมีคุณลุงฮยอนจา และพี่ยองเบจอมปลอมของเธออยู่ด้วย ..
“ยองเบ แกขอโทษคุณหนูเค้าซะ” ชายอาวุโสที่ยืนมองการทำแผลให้แชรินอยู่ตลอดหันไปพูดกับ
ลูกชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้กลางบ้าน ขาทั้ง 2 วางเหยียบบนเก้าอี้ ในมือถือแอปเปิ้ลลูกโตที่กัดเข้าปากอยู่
เรื่อยๆ หันหน้าออกจากทุกคนในบ้านที่กำลังรุมกันอยู่ที่แชริน ..
“อือ ..” ยองเบตอบดื้อๆแค่นั้น ไม่ยอมหันกลับมามองยังคงนั่งกัดผลไม้ในมือต่อไป
ท่าทางกวนๆแบบนี้ทำเอาทุกคนในบ้านต้องปวดหัวอยู่เสมอๆ
“ยองเบ ทำไมแกไม่ขอโทษเค้าดีๆ ไอ้กับดักบ้าๆของแกทำเค้าเจ็บขนาดนี้ พ่อเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิก
ทำ ไม่เห็นจะเคยจับอะไรได้นอกจากหนูตัวเล็กๆ” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างหัวเสีย
กับพฤติกรรมของลูกชายคนเล็ก .. ฝาแฝดผู้น้องของทงยองเบอีกคน คนที่สำคัญต่อแชริน
“เหอะ! พ่อพูดอย่างกับว่ากลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆงั้นแหล่ะ จำหน้าแม่ได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่าง ทำไม
จะจับอะไรไม่ได้? อย่างน้อยก็ไอ้ไลเคนอ่อนแอตัวนึงล่ะ”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ผู้เป็นพ่อโกรธถึงที่สุดจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนคนที่โดนพาดพิงถึงอีกคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองแทบไม่ทัน ในเมื่อโดนว่าขนาดนั้นเป็นใครจะไม่โกรธ
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ ที่เจ้าพูดเมื่อกี้ข้าไม่ชอบ!”
คนตัวเล็กโพล่งออกมาด้วยความโกรธ ในตอนแรกเธอต้องสงบใจไม่ทำท่ารังเกียจคนๆนี้
เพราะเกรงใจคุณยายและท่านพ่อของพี่ยองเบ แต่ถึงขั้นนี้ เธอทนไม่ไหวแล้ว ..
“เหอะ! แล้วที่เจ้าพูดมานึกหรอว่าข้าชอบ หึ! ไปดีกว่า อยู่ในนี้แล้วเสียอารมณ์”
ไลเคนหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินตรงออกประตูไปโดยไม่สนใจเสียงใดๆที่ไล่หลังมา
“ไอ้ลูกคนนี้ ใครสั่งสอนแกให้เป็นแบบนี้ห๊ะ! แกมันไม่ได้ครึ่งของพี่แกเลยจริงๆ”
ผู้เป็นพ่อตะโกนพูดไปด้วยความอ่อนใจ เค้าผิดเองที่ไม่ได้เลี้ยงดูเอาใจใส่ลูกคนนี้เท่าที่ควร
เพราะเวลาทั้งหมดต้องทุ่มให้การรับใช้ตระกูลควอน นานๆถึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านซักที ..
“ขอโทษแทนยองเบมันด้วยนะครับที่มันพูดจาล่วงเกินคุณหนู”
นายฮยอนจาก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อม แชรินเห็นอย่างนั้นก็รีบก้มกลับแทบไม่ทัน
“ไม่หรอกค่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ข้ารู้สึกไม่ดีเลยที่คุณลุงมาก้มหัวให้แบบนี้ คนที่ผิดไม่ใช่คุณลุงซะ
หน่อย” สาวน้อยยิ้มกว้าง และหลังจากที่ทุกอย่างในห้องเงียบลงอีกครั้งแชรินก็ถามขึ้น ..
“เอ่อ ข้าขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ย? คือ คนๆนี้เป็นใคร? ทำไมชื่อแล้วก็หน้าตาเค้าถึง? ..”
ร่างบางพูดในสิ่งที่อัดอั้นมานาน เมื่อได้ยินดังนั้น ชายสูงอายุจึงหัวเราะน้อยๆแล้วอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง
“2 คนนี้เค้าเป็นฝาแฝดกัน แต่ไม่สนิทกันหรอกนะ เพราะเค้าแทบไม่เคยเจอกันเลย พี่ยองเบของคุณหนู
นั่นเค้าสนิทกับคุณหนูจียงมากกว่าพี่น้องท้องเดียวกันซะอีก แต่ที่ชื่อเหมือนกันก็เพราะเรา 2 สามีภรรยา
ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าถ้ามีลุกชายจะให้ชื่อนี้ แต่พอออกมาเป็นฝาแฝด เราก็ไม่รู้ว่าจะให้ชื่อที่เราตั้งใจตั้งนี้
แก่คนไหนดีเพราะเรารักเค้าเท่าๆกัน และอีกอย่างกระผมก็ต้องไปรับใช้ท่านควอน เลยตกลงว่าจะรับยองเบไปเลี้ยงกันคนละคน
ไหนๆ 2 คนนี้ก็ต้องอยู่แยกกันแล้ว จะใช้ชื่อเดียวกันคงไม่เป็นไร”
แชรินได้ฟังก็เงียบไป นึกถึงพี่ยองเบของเธอทีไรมันก็พาลซึมขึ้นมาได้ทุกที
แต่ตอนนี้ แชรินไม่รู้ตัวหรอกว่า ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะสิ่งใหม่ๆที่กำลังเข้ามาในชีวิตเธอ
มันอาจจะช่วยลบล้างบางสิ่งบางอย่างได้ ไม่ว่าเธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับมันหรือไม่ก็ตาม ..
Comments