Chapter 7

Bloody Romance

 

“ดาร่าลงมารึยัง ดองอุค?”

เสียงท่านหัวหน้าตระกูลปาร์คดังขึ้นแข่งกับเสียงพูดคุยของวงศาคนาญาติที่ดังเซ็งแซ่ไปหมด

รวมไปถึงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของงานสังสรรค์ที่มีกันเฉพาะครอบครัว

ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ายินดีและอบอุ่นเสียจริง

“ลงมาแล้วครับ นั่นไง นั่งหลบอยู่ตรงนั้น”

ดองอุคชี้ไปทางร่างบอบบางที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ ณ มุมหนึ่งของงาน

ถึงแม้จะมีคนเข้ามาทักทายเป็นระยะๆแต่เธอก็ให้คำตอบเพียงรอยยิ้มและตอบกลับไป 2-3 คำ

หลังจากนั้นก็นั่งก้มหน้าก้มตาต่อไป ผู้เป็นพ่อเห็นว่าลูกสาวจอมดื้อยอมลงมาแต่โดยดี

ก็สบายใจหันไปคุยธุระกับดองอุคต่อ ..

“การเจรจากับพวกไลเคนนี่มันยุ่งยากซะจริงๆ หึ ต่ำต้อยแล้วยังทำเป็นเล่นตัว อุตส่าห์เสนอตำแหน่ง ..

ขุนนางดีๆให้ก็ไม่รับ อย่างนี้แผนการที่จะดึงพวกนั้นให้มาขึ้นกับเราก็ลำบากมากขึ้น แย่ๆ..”

ชายอาวุโสส่ายหัวเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความหนักใจในท้ายประโยค

“จริงด้วยครับ จะว่าไปศัตรูของเราตอนนี้ก็เหลือแต่ไลเคนนี่ล่ะครับที่ยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม ..

ชั้นสูงอังกฤษ เราทำอะไรพวกมันมากก็ไม่ได้ถึงแม้ว่าจะได้ครอบครองดินแดนนี้แล้วเพราะพันธมิตรมัน ..

มากมายนัก ถ้าชวนเข้าเป็นพวกเดียวกันไม่ได้ก็คงต้องคอยระวังให้มาก หากพวกมันคิดอยากมีอำนาจ ..

มียศ มีตำแหน่ง อยากชูคอขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง คราวนี้เราคงต้องเหนื่อยกันหน่อยล่ะครับ”

 

ปาร์คดองอุคออกความเห็นตามสถานการณ์ที่เป็นจริงอยู่ตอนนี้ เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นไม่มีการตัดสิน

ถึงผลแพ้ชนะอย่างชัดเจน หากแต่ผู้ที่กำไพ่เหนือกว่าหลังสิ้นสุดคืนนั้นคือเหล่าแวมไพร์

ที่มีกษัตริย์ นายกรัฐมนตรี และขุนนางมากมายเป็นตัวประกัน

ไลเคนเองไม่เคยต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เผ่าพันธุ์นี้เรียกได้ว่ารักสงบ หากแต่ถึงคราวต้องสู้ขึ้นมา

ทุกคนก็ยอมสละชีพเพื่อพวกพ้องของตน ผิดกับแวมไพร์มากมายนัก เพราะฉะนั้น ..

ไม่ว่าใครจะได้เป็นผู้บริหารประเทศนั้นเค้าไม่ค่อยสน ขอเพียงได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเคยๆก็เพียงพอแล้ว

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แวมไพร์ยอมปล่อยให้ศัตรูคู่อาฆาตดำรงชีวิตต่อไปในมหานครแห่งนี้ได้

พวกเค้าฉลาดพอที่จะไม่ขับไล่มนุษย์หมาป่าให้ต้องเสี่ยงกับเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้ง

ท่านหัวหน้าตระกูลพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้เป็นลูกชาย  ..

แล้วทั้งคู่ก็สนทนากันต่อไปถึงเรื่องราวมากมายที่ต้องเตรียมการในการปกครองมหานครแห่งนี้

โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า คนที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่เมื่อครู่ได้หายออกไปจากบริเวณงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

ดาร่าเดินออกจากบริเวณงานอย่างเงียบๆ หลังจากต้องทนตอบคำถามและปั้นหน้ายิ้มแย้ม

ทักทายแขกเหรื่อที่เธอเองยังแทบจำหน้าไม่ได้ .. ทำไมทุกอย่างมันน่าเบื่ออย่างนี้นะ?

เธอแทบจะอดรนทนรอให้ถึงเวลางานเลิกไม่ไหว เธอจะได้คุยกับพี่ดองอุคเรื่องจียงซักที

เมื่อคิดได้ถึงสิ่งที่กำลังจะมาถึง คนตัวเล็กก็มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง รอยยิ้มมุมปากเล็กปรากฏให้เห็น

บนใบหน้าสวย ก่อนที่ดาร่าจะเดินมาถึงหน้าห้องนอนของตน ..

 

‘ แอ๊ด ดดด ดด ’   เสียงเปิดประตูดังขึ้นภายในห้องนอนอันมืดสนิท

แวมไพร์สาวเดินเข้ามาสู่ห้องนอนที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นส่วนตัวอีกครั้ง

แต่เมื่อตะเกียงแก้วข้างหัวเตียงถูกจุดขึ้น สิ่งที่น่าตกใจก็ปรากฏแก่สายตาของดาร่า

สภาพห้องที่เคยถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงามกลับถูกรื้อจนกระจัดกระจาย ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ไม้แกะสลัก

ถูกพังทำลายล้มกองระเกะระกะ ที่หน้าต่างม่านระย้าขาดวิ่นปลิวตีสะบัดไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา

ตามช่องกระจกหน้าต่างที่แตกกระจาย รูปวาดที่ประดับตามฝาผนังก็ถูกกรีดเป็นรอยขนานกัน 4 รอย

‘ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ใครทำแบบนี้กับห้องของข้า? ’

ดาร่ายืนตะลึงอยู่อย่างนั้น จ้องมองสภาพห้องของตัวเองด้วยความตกใจ

เมื่อได้สติหญิงสาวดีดนิ้วแล้วตะเกียงรอบๆห้องทั้งหมดก็ถูกจุดขึ้น แสงสว่างส่องให้เห็นความยุ่งเหยิง

ที่แทบจะไม่เหลือสภาพเดิมให้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ดาร่าหวังจะเดินเข้าไปสำรวจ ..

แต่แล้วเสียงลมหายใจหอบที่ฟังดูน่าขนลุกก็ดังขึ้น เสียงขู่แค่นในลำคอของสัตว์ป่าดังมาจากมุมหนึ่ง

ภายในห้องนอนใหญ่ ดาร่าแทบจะหยุดลมหายใจเมื่อคาดเดาไปก่อนแล้วว่า ..

สิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นคือใครหรืออะไร ร่างบอบบางสั่นเทาไปทั้งตัว เธอไม่พร้อมที่จะเจอกับอะไรก็ตาม

ที่กำลังจะเกิดขึ้น .. ข้ายังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับเจ้าเลย

 

 

อุ้งเท้าแข็งแกร่งมีเล็บคมกริบยาวยื่น สืบออกมาช้าๆจากมุมมืด ตามด้วยร่างที่ค่อยๆเผยให้เห็นทีละน้อย

จนในที่สุดไลเคนร่างใหญ่รูปงามก็ปรากฏให้ดาร่าได้เห็นเต็ม 2 ตา สัตว์ป่าที่มีขนมันขลับปกคลุมทั่วตัว

กรงเล็บและเขี้ยวอันแหลมคมน่าสะพรึงกลัว แววตาที่ชวนให้เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ

ทำเอาดาร่าเจ็บแปลบขึ้นมาที่หน้าอก มันช่างอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ..

 

คนตัวเล็กใจเต้นแรงที่สุดเท่าที่เคยรู้สึก เม็ดเหงื่อเกาะกุมผิวหนังโดยเฉพาะมือเรียวที่กำอยู่จนเปียกชุ่ม

ดาร่าไม่กล้าไหวติงใดๆ เพียงแค่ก้าวเดียวก็ไม่กล้า แม้แต่ลมหายใจก็แทบอยากกลั้นมันเอาไว้

เธอกำลังกลัวถึงขีดสุด ไม่แพ้ความเสียใจที่ทำให้หัวใจเธอแทบดำดิ่งสู่เหวลึก .. ท่านจะฆ่าข้าจริงใช่มั๊ย?

เมื่อกำลังรู้สึกว่าวินาทีสุดท้ายกำลังจะมาถึง สิ่งแรกที่แวบผ่านเข้ามาให้สมองของแวมไพร์

ผู้ไร้หนทางคนนี้คือเรื่องราวในคืนนั้น คืนที่ทำให้เธอรู้ใจตัวเอง

เธอได้รับความอ่อนโยนอย่างที่สุดจากคนๆนี้ ริมฝีปากนั้น อ้อมกอดนั้น ลืมไม่ลงจริงๆ

แต่มันก็สายไปแล้วใช่มั๊ย? เพราะคนๆนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ กำลังจะทำให้ความทรงจำดีๆเหล่านั้น

กลายเป็นความทรงจำสุดท้ายของชีวิตซานดาร่า ..

 

‘ ควับ บบบบ บบ !!!! ’  

การโจมตีครั้งแรกเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเฉียดแขนดาร่าที่กระโดดหลบไปเพียงนิดเดียว

ร่างบางตาโต แทบไม่อยากจะเชื่อว่าจียงจะทำแบบนี้กับเธอ .. เจ้าเอาจริงหรอ?

จียงพุ่งเข้าใส่ดาร่าอย่างรวดเร็วไม่พูดพล่ามทำเพลง ด้วยอารมณ์บ้าคลั่งผสมกับฤทธิ์ของเหล้า

ที่ยังคงมีกลิ่นติดตัวเค้า จียงไม่สนแล้วว่าอะไรคืออะไร ทุกคนทำให้เค้าต้องเจ็บช้ำ

ทุกคนทำให้เค้าต้องเสียใจ ทุกคนเป็นคนที่เค้ารัก .. สิ่งที่เค้าทำเหมือนกับต้องการระบายอารมณ์ของตน

ออกมาโดยไม่รู้ตัว เค้าไล่ต้อนดาร่าที่กระโดดหลบเพียงอย่างเดียวไปทั่วทั้งห้อง

จนแทบจะจนมุมหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งแวมไพร์สาวก็เอาตัวรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว

ข้าวของในห้องที่เสียหายอยู่แล้วก็ยิ่งพังพินาศเข้าไปใหญ่ แต่เสียงโครมครามที่ดังขึ้นข้างบนนี้

กลับไม่ได้เป็นที่สังเกตของคนข้างล่างที่กำลังสังสรรค์ท่ามกลางดนตรีบรรเลงเลยแม้แต่น้อย ..

 

 

ยิ่งนานเข้าดาร่าก็ยิ่งอ่อนแรง ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่สู้กัน เธอก็รู้ดีว่าฝีมือของจียงเยี่ยมยอดขนาดไหน

เธอสู้ไม่ได้หรอกหากจียงจะเอาจริง หรือว่าครั้งนี้? แวบนึงในสมองที่เผลอคิดวอกแวกไป

ทำให้เกิดช่องโหว่ในการโจมตี   ‘ ตึง งงงงงงงงงง !!!! ’    ร่างบอบบางถูกอัดเข้ากำแพงอย่างจัง

พร้อมกับอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามา     ‘ ปัง งงงงงงงงงง !!!! ’    อุ้งมือทั้ง 2 ของจียงคร่อมร่างบาง

ที่ยืนชิดกำแพงไว้พร้อมกับตัวที่ตามเข้ามาปิดตายไม่ให้ดาร่าหนีไปไหนได้อีก ในที่สุด ..

ใบหน้าของมนุษย์หมาป่าก็เปลี่ยนกลับมาสู่ร่างปกติเช่นเดิม หากแต่กรงเล็บคมนั้นยังไม่ได้ถูกเก็บเข้าที่

จียงหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อยและความโกรธระคนกันไป ซึ่งดาร่าเองก็เช่นกัน

เธอหนีต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าจะต้องเผชิญกับความตายในวันนี้เธอก็พร้อม ..

‘ ข้าอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าคนที่เคยพูดได้เต็มปากว่ารักข้า จะสังหารข้าได้ลงจริงหรือ? ’

   

ความคิดของดาร่านั้นดูจะตรงกับใจจียงซะเหลือเกิน เพราะเพียงแค่มองเสี้ยวใบหน้านั้นหลับตานิ่ง

เหมือนพร้อมจะให้เค้าปลิดชีวิตได้ทุกเมื่อยิ่งทำให้เค้าแทบคลั่ง จียงรู้ตัวว่าคงทำไม่ได้

ฆ่าคนๆนี้ไม่ได้จริงๆ จะทำยังไงดี? เค้าจะทำยังไงให้ความรู้สึกที่กลายเป็นแผลเป็นอยู่ในใจถูกลบล้าง

ไปให้หมดซะที .. ‘ ยองเบ ข้าขอโทษ ทำไมข้าถึงอ่อนแอแบบนี้? ไม่เข้มแข็งพอจะทำเพื่อเจ้า ..

ทั้งที่เจ้าทำทุกอย่างเพื่อข้าได้ ข้ามันงี่เง่า!!!!! ’ .. ‘ ปัง งงงงงงงงงง !!!! ’   

จียงทุบกำปั้นลงไปที่กำแพงอย่างจัง เลือดแดงฉานไหลซิบๆออกมาจากแผลแตก

ดาร่าที่หลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละน้อยเมื่อรู้ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่

ทั้ง 2 จ้องตากันอย่างไม่ลดละ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลายยากจะสื่อถึงกันได้หมด

ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องนี้อีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ที่ดังแข่งกันเป็นจังหวะ

 

 

‘ กรี๊ด ดดดดดดดดดดด!!!! อ๊าก กกกกกกกกกกก !!!!!! ’   

จู่ๆเสียงอันน่าสยดสยองก็ดังขึ้นในโสตประสาทของดาร่า ไม่เพียงแต่เธอจียงเองก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน

เสียงหวีดร้องโวยวายแข่งเสียงเพลงดังมาจากชั้นล่างสุดใจกลางคฤหาสน์ ณ บริเวณที่จัดงาน

ทำให้ทั้ง 2 หันไปเป็นตาเดียวกันที่ประตูห้อง ดาร่ารีบผลักจียงออกให้หลุดจากการถูกเกาะกุม

แล้วตรงไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่จะเปิดมันออก ร่างสูงที่รีบตามมาก็ยันมันไว้ ..

“เจ้าจะบ้ารึไง!? ทะเล่อทะล่าออกไปตอนนี้”       จียงกระซิบดุเสียงเบา เพราะเค้าเดาได้ว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นข้างล่างนั้นย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ปกติธรรมดาแน่นอน ต้องมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นเป็นแน่

“ปล่อยนะ! ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น จะฆ่าข้าก็เชิญแต่ต้องหลังจากที่ข้าได้รู้ว่าครอบครัวของข้าปลอดภัย

ดีหรือไม่!!”    ดาร่าพูดเสียงกร้าว ความเกรงกลัวมันหายไปหมดแล้วเพราะสิ่งที่สำคัญกว่ารอเธออยู่

จียงไม่สนใจท่าทางนั้น คว้าตัวดาร่าขึ้นพาดบ่าแล้วพากระโจนออกนอกหน้าต่างทันที

โดยไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงดิ้นขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ..

 

ตอนนี้ทั้ง 2 ซ่อนตัวอยู่บนหลังคากระจกของคฤหาสน์เหนือบริเวณงาน

แอบสังเกตการณ์สิ่งที่เป็นไปข้างล่างอย่างเงียบๆ งานเลี้ยงรื่นเริงเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

บัดนี้กลายเป็นภาพที่ดาร่าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ภาพที่สะเทือนใจที่สุดกำลังปรากฏอยู่

ต่อหน้าเธอ แวมไพร์ทุกคนที่มาร่วมงานนอนตายเกลื่อนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดและเศษหัวใจ

คนที่ดาร่ารู้จักและคุ้นเคย คนที่พึ่งคุยกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ

คนรับใช้คนสนิท บัดนี้เหลือเพียงแต่ร่างที่นอนแน่นิ่งหมดสภาพ เหลือเพียงแวมไพร์ตระกูลปาร์ค 5-6 คน

ที่นั่งคุกเข่านิ่งเรียงกันอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ในคนเหล่านั้นก็รวมไปถึงท่านพ่อท่านแม่และพี่ดองอุคด้วย

2 มือที่ไพล่หลังถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกพิเศษที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับพันธนาการแวมไพร์

นอกนั้นเป็นคนอื่นที่สวมชุดออกรบเต็มยศแบบที่แตกต่างกันไป เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวกเดียวที่ร่วมกระทำ

การอุกอาจในครั้งนี้ และคนพวกนั้นดาร่าจำได้ดี คนของตระกูลเชว ตระกูลคัง และอื่นๆที่ดาร่าพอจำได้

ว่าเคยมาประชุมกับสภาที่คฤหาสน์บ่อยๆ นอกจากนั้นยังมีคนที่แต่งเครื่องแบบทหารอังกฤษปะปนอยู่ด้วย

 

คนตัวเล็กกัดริมฝีปากแน่น อยากจะลงไปช่วยทุกๆคนเหลือเกิน .. นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกอย่างถึง

กลายเป็นแบบนี้? ในตอนนี้ความรู้สึกของแวมไพร์คนนี้มันพูดไม่ออกจริงๆ

ข้าจะทำยังไงดี? คนกลุ่มนั้นยืนล้อมท่านพ่อท่านแม่ของเธออยู่ ข้างในคงจะคุยอะไรกันซักอย่าง

อยากรู้เหลือเกิน .. ดาร่าทำท่าจะขยับเพื่อเปิดแง้มบานกระจกออก แต่ก็ถูกห้ามไว้โดยคนข้างๆ

จียงทำสายตาดุส่ายหน้าห้าม ทำให้ดาร่าได้แต่อ่านริมฝีปากและหันไปมองเหตุการณ์นั้นต่อไปเงียบๆ

 

“ฮ่าๆๆๆ อย่างท่านนะหรอคิดจะเป็นประธานาธิบดี เร็วไปพันปีปาร์คฮงจุน! พวกข้ารู้ว่าประชาชนอังกฤษ ..

ยังต้องการระบอบกษัตริย์อยู่ เพราะงั้นข้าจึงรักษาชีวิตของพระราชาเฮนรี่เอาไว้ ส่วนท่านมันก็พวกกบฏ ..

ดีๆนี่เอง”    หัวหน้าตระกูลเชวพูดอย่างสะใจ

“เจ้า!! ไอ้พวกทรยศ ข้าไม่น่าไว้ใจงูพิษอย่างพวกเจ้าเลย”

“ปากมากนักนะ! โดนอย่างนี้ยังไม่สิ้นฤทธิ์อีก เอาล่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาที่ข้าจะได้เป็นขุนนางผู้ภักดี

ต่อกษัตริย์เฮนรี่ ข้าจะจัดการพวกท่านเดี๋ยวนี้ล่ะ”     พูดจบ ท่านผู้นำก็พยักหน้าให้ลูกน้องจัดการลงมือ

แต่จู่ๆเสียงหนึ่งก็ร้องห้ามขึ้น .. “เดี๋ยว ท่านพ่อ! ข้าขอเวลาสักครู่” ..

ซึงฮยอนที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุครั้งนี้ร้องขึ้น ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นบิดา

“ดาร่า บอกข้าทีว่าดาร่าอยู่ที่ไหน?”

ซึงฮยอนก้มหน้าถามดองอุคเหยื่อที่กำลังจะถูกสังหาร รวมถึงคนอื่นๆที่ล้วนแต่เป็นครอบครัวปาร์คทั้งสิ้น

“ข้าไม่บอกเจ้าให้โง่หรอก ไอ้พวกเศษสวะ!! ข้าไม่ยอมให้น้องของข้าไปกับคนอย่างเจ้า!!”

ดองอุคมองซึงฮยอนด้วยสายตาเหยียดหยาม รังเกียจก่อนที่นั่นจะเป็นแววตาสุดท้ายที่ทุกคนได้พบเห็น

ด้วยโทษะซึงฮยอนคว้าหมุดไม้เล่มใหญ่ที่สลักอักษรโบราณคล้ายคำสาปก่อนปักลงกลางหัวใจ

ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแวมไพร์ฝีมือดีที่สุดในอังกฤษซึ่งบัดนี้ฉายานั้นได้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ..

“ไปลงนรกซะ ปาร์คดองอุค!! ทำเป็นปากดี น้องสาวที่เจ้าหวงนักหวงหนาจะต้องตกเป็นของข้าแน่นอน!”

 

 

“มะ อุ๊บบ!!!! ..”

ดาร่าจะตะโกนกรีดร้องสุดเสียงแต่ริมฝีปากก็ถูกปิดไว้ด้วยมือใหญ่ของคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

น้ำตาไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย ต้องลงบนมือของควอนจียง ความเศร้าโศกที่ยากจะอธิบายได้

เหตุการณ์ที่เห็นผู้เป็นพ่อ แม่ และพี่ชายอันเป็นที่รักถูกฆ่าลงอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตา

คงจะตามหลอกหลอนเธอไปอีกนานแสนนาน ดาร่าร้องไห้คร่ำครวญแทบสิ้นสติ

ในขณะที่คนข้างในเริ่มเคลื่อนตัวออกจากอาคารหลังใหญ่ จียงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบอุ้มคนตัวเล็กขึ้น

แล้วกระโจนลงจากหลังคาสูงอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ คอยระมัดระวังทุกฝีก้าว

ไม่ให้ทหารมากมายนับร้อยที่ปิดล้อมคฤหาสน์ของตระกูลที่เคยรุ่งเรืองที่สุดแล้วเฝ้ามองมันจมอยู่

ในกองไฟขนาดมหึมาที่ถูกจุดขึ้นเพื่อเป็นการปิดบัญชีที่ซานดาร่าปาร์คต้องจดจำไปจนวันตาย

จียงมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ ที่ห่วงที่สุดก็คนในอ้อมแขนเค้านี่แหล่ะ

ไลเคนหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นก้มลงมองคนที่แน่นิ่งหมดสติไปด้วยความช๊อก ..

ไม่รู้ว่าเรื่องของเค้าจะเป็นยังไงต่อไป? แต่ที่รู้คือเค้าต้องจัดการอะไรบางอย่าง ทั้งเรื่องความรู้สึก

ที่ยังติดค้าง และเรื่องที่เค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับแวมไพร์คนนี้ดี .. ‘ข้าต้องทำยังไงกับเจ้าซานดาร่า?’

 

.

.

 

บนเตียงนุ่มปูด้วยผ้าฉลุลายลูกไม้สีขาวสะอาด ม่านขาวย้อยลงคลุมเตียงไม้ 4 เสาเอาไว้

แต่มันก็บางพอที่คนด้านนอกมองผ่านเข้าไปเห็นร่างของแวมไพร์สาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในนั้น

ดาร่าหลับไม่ได้สติอยู่หลายชั่วโมง แต่บัดนี้เธอกำลังจะรู้สึกตัว ..

 

“ทำกันขนาดนี้เลยหรอ? หักหลังกันเองสินะ”

เสียงที่ไม่คุ้นหูค่อยๆดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในโสตประสาทของดาร่า เธอยังรู้สึกมึนอยู่เลย

ในหัวมันหนักอึ้งไปหมด .. นั่นเสียงของใครกัน? คนตัวเล็กพยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก

ภาพที่ปรากฏขึ้นมันพร่ามัวแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ที่ที่เธอคุ้นเคย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าอยู่ที่ไหน?

นี่ไม่ใช่ห้องนอนของข้า? .. ในตอนแรกดาร่าคิดจะพยุงตัวลุกขึ้นถึงแม้เรี่ยวแรงจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม

แต่เมื่อได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ความคิดนั้นก็ถูกล้มเลิกไปโดยปริยาย เสียงของควอนจียง ..

 

“คงงั้น ..”

ร่างสูงตอบออกมาสั้นๆ เค้านั่งอยู่บนตั่งริมหน้าต่างขาข้างหนึ่งชันขึ้น มองเหม่อออกไปด้านนอก

ใบหน้าไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ ผิดกับคู่สนทนาที่ดูจะมีสีหน้าตื่นตกใจกับเรื่องที่ได้ยินไม่น้อย

โบมีขมวดคิ้วทำสีหน้าครุ่นคิด แล้วตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆเตียงคนป่วย

ก้มหน้ามองคนที่เธอกำลังเห็นใจอย่างที่สุดแล้วก็ต้องตกใจเมื่อสบตาเข้ากับคนๆนั้น .. ฟื้นแล้วหรอ?

แต่ก่อนที่โบมีกำลังจะพูดบางอย่างออกไปเธอก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของดาร่า

ที่เหลือบไปเห็นจียงแล้วรีบหลับตาลงทันที ไม่รู้ทำไมแต่เธอดูเหมือนจะเข้าใจว่าดาร่าคงไม่ต้องการ

ให้จียงรู้ว่าตื่นแล้ว คนตัวเล็กจึงร่วมมือกับคนแปลกหน้าคนนี้เป็นอย่างดี ..

“เอ่อจียง ข้าว่าเจ้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เจ้านั่งเฝ้าเค้ามาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวข้ารับหน้าที่ดูแลให้เอง”

ผู้มีศักดิ์เป็นน้องพูดขึ้นพร้อมกับแอบอมยิ้มให้คนที่นอนอยู่บนเตียง จียงได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ

ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วเดินตรงไปที่ประตูห้อง แต่ก่อนจะออกไป ..

ชายหนุ่มก็หันกลับมามองคนที่เค้าได้ช่วยเหลือไว้เมื่อคืนนี้ คนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารในอ้อมกอดเค้า

คนของตระกูลปาร์คคนเดียวที่รอดชีวิตมาจากโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายอย่างเดียวดาย ..

 

 

‘ ปัง งงง ’   เสียงปิดประตูเงียบลงชวนให้บรรยากาศในห้องอึดอัดเข้าไปอีก

เพราะคน2คนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันต้องมาอยู่ในห้องเพียงลำพังแต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับโบมีเลยซักนิด

คนร่าเริง อัธยาศัยดีอย่างเธอชอบการผูกมิตรเป็นที่สุด ..

“ว่าไง? ลืมตาได้แล้ว เค้าไปแล้วล่ะ”

โบมีพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงส่งยิ้มกว้างให้คนที่ค่อยๆเปิกเปลือกตาแล้วค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่ง

ในตอนนี้ดาร่านึกออกทุกเรื่องแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน มันทำให้เธอลืมไม่ลงจริงๆ

ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ดองอุค ทุกๆคน ไม่นะ .. คนตัวเล็กก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากถูกกัดแน่นจนห้อเลือด

น้ำตามากมายไหลรินออกมาไม่ขาดสายจากดวงตาเศร้าหมองและบวมช้ำหยดลงบนผ้าห่มสีขาวนวล

โบมีเห็นดังนั้นก็เข้าใจดีว่าเพราะอะไรคนๆนี้ถึงต้องร้องไห้ขนาดนั้น เธอได้ฟังเรื่องราวที่ดาร่าต้องสูญเสีย

ครอบครัวไปต่อหน้าต่อตามาจากจียงบ้างแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเรื่องราวแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับเธอ

เธอจะเสียใจขนาดไหน? ..

“เอ่อ ข้าเสียใจกับเจ้าด้วยนะ เรื่องที่เกิดขึ้น เอ่อ เจ้าชื่ออะไรหรอ? ข้าควอนโบมีนะ เรียกบมเฉยๆก็ได้”

สาวน้อยพูดอย่างประหม่าเพราะกลัวว่าจะหลุดคำอะไรที่อาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามสะเทือนใจ

แต่นี่เธอกำลังพยายามให้ดาร่าสบายใจขึ้นเท่านั้นเอง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสะอื้นหนักร่ำไห้อย่างไม่อายใคร

 

“เจ้าใจเย็นๆก่อนนะ ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก แต่ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ซักวันเจ้าจะต้องทำใจได้”

โบมีพูดเสียงใสปลอบใจดาร่า อยากให้คนที่ได้ฟังหลุดออกจากความหดหู่ซึมเศร้า

“เจ้าไม่ต้องมาสอนข้า!! เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ไม่รู้หรอกว่าข้าเจออะไรมาบ้าง!!!”

คนที่น้ำตานองหน้าตวาดเสียงแหบแห้ง ทำให้โบมีถึงกับสะดุ้งหน้าเสียไปนิดนึง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนใจเย็นคนนี้คิดจะละความพยายามได้

“จริงสินะ ข้าอาจจะไม่เข้าเจ้านักหรอก ก็ข้า .. ไม่เคยมีครอบครัวให้สูญเสียนี่นา”

โบมีพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆ คำพูดนั้นทำให้ดาร่าหันไปมอง

“แค่เกิดมาข้าก็โดนทิ้งซะแล้ว แต่ข้าก็ไม่เสียใจหรอกเพราะได้มาอยู่กับครอบครัวใหม่ที่อบอุ่น ถึงไม่ใช่

สายเลือดเดียวกันแต่ทุกคนก็รักข้าเหมือนลูก เหมือนพี่เหมือนน้องจริงๆ แต่ข้าว่าเจ้ายังโชคดีกว่าข้านักที่

อย่างน้อยช่วงชีวิตนึงก็ยังได้อยู่กับครอบครัวที่แท้จริง ข้าเชื่อว่าซักวันเจ้าก็คงจะได้พบคนที่รักเจ้าอย่าง

จริงใจไม่แพ้คุณพ่อคุณแม่ของเจ้า..”      คนตัวเล็กเสี่ยงพูดตามที่คิด

ไม่รู้ว่ามันจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือเลวร้ายลง แต่เธอก็คิดว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว ..

ดาร่าได้ฟังก็นิ่งไปเหมือนได้คิดอะไรบางอย่าง เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีทางที่ทุกคนจะกลับคืนมา

เธอคงจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อนเลยในชีวิต เธอเคยได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่

จากพี่ชายมาตลอด ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ตอนนี้ดาร่านึกเสียใจที่หลายครั้งเธออาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีนัก

แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันที่จากกันมันจะรวดเร็วถึงเพียงนี้

 

“ซานดาร่าปาร์ค”

ร่างบางปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มตัวเองอย่างลวกๆ เอ่ยออกมาเสียงค่อย

แต่ก็ดังพอจะทำให้คนที่ได้ยินยิ้มหน้าบาน เพราะดาร่าเปิดใจให้เธอแล้ว

“เจ้าหิวมั๊ย? สลบไปเกือบวันแหน่ะ เดี๋ยวข้าไปหาอะไรมาให้ทานนะ”

ดาร่าส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ เธอไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย เวลานี้เธอไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะตายๆให้มันรู้แล้วรู้รอด ในโลกนี้ไม่เหลืออะไรให้เธอแล้ว ไม่เหลือใครแล้ว

“ข้าอยากอยู่คนเดียว”

“เข้าใจล่ะ งั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าพักผ่อนดีกว่า ถ้ามีอะไรบ่าวที่อยู่หน้าห้องจะจัดการให้เจ้าเอง แต่ถ้าอยาก

ได้เพื่อนคุยก็เรียกข้าได้นะ เอ่อ แต่ถ้าไม่อยากเจอจียง ข้าก็ไม่รู้จะช่วยเจ้ายังไงเหมือนกัน”

โบมียิ้มให้ พูดเล่นท้ายประโยคก่อนจะลุกตรงไปที่ประตู จียง จียงงั้นหรอ? จริงสิ ..

“เดี๋ยวก่อน ที่นี่ที่ไหน?”

ดาร่าถามทันทีที่นึกขึ้นมาได้ เธออยากรู้เหมือนกันว่าจียงพาเธอมาไว้ที่ไหน?

“จริงสิ ข้าลืมบอกไป ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์ควอนนะ”

ผู้เป็นเจ้าของบ้านพูดพร้อมรอยยิ้มที่มาจากใจจริง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ..

 

.

.

 

ภายในห้องนั่งเล่นส่วนตัวของควอนจียง ไลเคนหนุ่มนั่งท่าทางผ่อนคลายอยู่บนโซฟานุ่มตัวยาว

แขนหนึ่งพาดไปบนพนักพิง อีกมือหนึ่งกำลังหยิบมาร์ชเมลโล่จากชามข้างๆตัว

แล้วปามันเข้ากองไฟในเตาผิงเป็นระยะๆ แล้วมองดูขนมหวานที่น้องสาวของเค้าโปรดปรานที่สุด

สลายไปในเปลวเพลิงที่ลุกโชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ..

 

“อะแฮ่ม!”

เสียงที่ดังขึ้นทำให้จียงต้องเหลือบตาไปมอง แล้วก็ต้องหันกลับมาอย่างเบื่อหน่าย

เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามารบกวนเวลาอันเป็นส่วนตัวของเค้าคือใคร

“ว่าไงพี่ชาย ได้ข่าวว่าพี่ไปพาสาวน้อยน่ารักที่ไหนมา? ไหนดูต้นคอซิ เลือดหมดตัวรึยัง? ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ซึงรีบุตรชายคนสุดท้องของตระกูลพูดแซวพี่ชายคนสนิทที่ดูหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างสนุกปาก

หลังจากข่าวเรื่องที่จียงพาแวมไพร์เข้าบ้านลือสะพัดไปทั่วคฤหาสน์

จียงหันไปมองตาขวางก่อนหันกลับทันทีเป็นการเตือนให้อีกคนรู้ว่าเริ่มพูดจาไม่เข้าหูแล้ว

“อะไรกันๆ แค่นี้ก็ต้องโมโห ข้าล้อเล่นแค่นี้เอง”

ผู้เป็นน้องพูดพร้อมเดินเข้ามานั่งลงข้างๆก่อนมองตรงไปในกองไฟเช่นเดียวกับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ข้าได้ข่าวเรื่องตระกูลปาร์คมาแล้ว..”

ซึงรีพูดก่อนหันมามองจียงที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาปาก้อนขนมเล็กสีขาวเตาผิง คิ้ว 2 ข้างของจียงขมวดจน

แทบจะติดกัน สายตาบ่งบอกได้ถึงความกลุ้มใจอะไรบางอย่าง

 

“พี่เล่าให้ข้าฟังได้มั๊ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตระกูลปาร์คล่มสลายทั้งตระกูลทั้งที่พึ่งปฏิวัติได้สำเร็จ

กษัตริย์เฮนรี่ถูกปล่อยตัวจากพวกแวมไพร์อย่างง่ายดาย แล้วแวมไพร์คู่อริตลอดกาลของเราอย่างพวก

ตระกูลเชวและคัง กำลังจะได้ตำแหน่งขุนนางใหญ่ๆหลายต่อหลายคน แถมกลายเป็นพันธมิตรของรัฐบาล

ไปโดยปริยาย ทั้งที่เมื่อก่อนพวกแวมไพร์นายทุนหัวแข็งชอบเอาเปรียบรัฐบาลเป็นว่าเล่น ดูเหมือนคราวนี้

รัฐบาลจะได้สหายใหม่แทนพวกเราซะแล้ว”

ไลเคนหนุ่มผู้ฉลาดเป็นกรดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับในตอนแรกที่เข้าห้องมา

แล้วนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่เค้าหวังว่าพี่ชายกำลังจะพูด แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท จียงไม่ยอมปริปากซักคำ

ไม่มีใครรู้ว่าในหัวเค้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ซึงรีเห็นจียงเงียบไปอย่างนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

คงยังไม่ยอมเล่าซินะ เค้าเอื้อมมือไปตบบ่าพี่ชาย 2-3 ทีก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นตรงไปยังประตู

 

“ตระกูลเชวและคัง หักหลังแวมไพร์ด้วยกันเอง พวกมันร่วมมือกับรัฐบาลเก่าของอังกฤษทั้งกองกำลังจาก

ต่างประเทศที่สวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์เฮนรี่รุมโจมตีตระกูลปาร์คในขณะที่ไม่ได้ระวังตัว พวกนั้นกำลังฉลอง

ตำแหน่งภายในครอบครัวเลยไม่มีใครไหวตัวทัน”

จียงหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วพูดขึ้นก่อนที่ซึงรีจะได้ทันเดินออกจากห้อง

ชายหนุ่มหยุดชะงักที่ประตูแล้วหันหลังกลับมา ..

“หึ! ข้าว่าแล้ว ไอ้พวกแวมไพร์ทรยศกันเอง มักใหญ่ใฝ่สูงกันทั้งนั้น อยู่เป็นลูกกระจ๊อกของพวกปาร์คคง

ไม่รุ่งสู้ทำแบบนี้ต่อไปคงได้สิทธิพิเศษจากรัฐบาลมากมาย ได้ความดีความชอบ กลายเป็นฮีโร่ของอังกฤษ

ไปเลยสิ หึ แวมไพร์ผู้เสียสละคืนอำนาจการปกครองให้มนุษย์ จิตใจบริสุทธิ์งดงามกันจริ๊งง ไอ้ผีดูดเลือด”

ซึงรีพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผู้เป็นพี่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

จียงใช้ความคิดอย่างหนัก ตอนนี้เค้าไม่รู้เลยว่าชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเค้าตอนนี้จะต้องทำยังไงต่อไป? ..

 

“เฮ้! เดี๋ยวพี่จียง ข้าลืมไปอย่างนึง..”

อยู่ดีๆประตูห้องก็เปิดอีกครั้งพร้อมคนเดิมที่โผล่เข้ามาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จียงข้องใจหันไปมองอย่างสงสัย

“ว่าไง จะเอาข่าวอะไรอีก”     ผู้เป็นพี่พูดด้วยท่าทางรำคาญ

“เปล๊า าา!!! ข้าแค่อยากรู้ว่าพี่ไปทำอะไรที่คฤหาสน์ปาร์คเมื่อคืนนี้ ก็เท่านั้นเอง”

ร่างหนาทำท่ายักไหล่อย่างกวนๆยั่วโทสะจียงได้เป็นอย่างดี ไม่พูดพร่ำทำเพลงจียงคว้าชามมาร์ชเมลโล่

ขว้างใส่ประตูที่ถูกชักปิดลงทันท่วงทีอย่างแรง ก่อนที่เสียงหัวเราะชอบใจจะดังผ่านประตูไม้เข้ามาในห้อง

ร่างสูงส่ายหน้าอย่างอารมณ์เสีย นั่งนิ่งต่อไปซักพัก ก่อนบางสิ่งในใจจะชักนำให้เค้าลุกขึ้น

จียงก้าวอย่างรวดเร็วออกจากห้องนั่งเล่น แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องของคนที่เป็นต้นเหตุของความยุ่งเหยิง

ในใจเค้าตลอดเวลา ..

 

เมื่อมาถึงหน้าห้องจียงพยักพเยิดให้คนรับใช้ออกไปจากบริเวณนั้น

ก่อนยืนสงบสติอารมณ์อยู่นานสองนาน แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน

ห้องสีครีมสวยที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม

และบนเตียงใหญ่นั่นเตียงที่เคยดาร่านอนอยู่ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาจียงทำให้ชายหนุ่มใจหายวูบ ..

เค้ารีบตรงไปยังเตียงนอนแล้วแหวกม่านออกอย่างรีบร้อนเพื่อค้นหา หาคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

ไลเคนหนุ่มกระวนกระวายใจเป็นที่สุด เดินพล่านไปทั่วห้องกว้าง ค้นหาทุกซอกทุกมุม

แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดาร่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกแล้ว แต่ในที่สุดบางอย่างก็สะดุดตาจียงทันที

เมื่อเค้ามองไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่บัดนี้ถูกเปิดกว้างจนลมหนาวยามเย็นพัดเข้ามาต้องใบหน้า

 

‘ เจ้าหนีไปงั้นหรอดาร่า? คนโง่!!! ’

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
ryouchi_chan
#1
WHAT???????
ryouchi_chan
#2
WHAT???????
JunielPanda
#3
plz engver T_T i can't understand
ammie16 #4
สนุกมากเลยค่ะ อย่าลืมมาอัพต่อนะคะ