Chapter 4

Bloody Romance

 

เมื่อกลุ่มนักฆ่ายามรัตติกาลมุ่งหน้าใกล้เข้าเรื่อยๆ จียงก็รู้ได้ทันทีว่างานใหญ่ของเค้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ไลเคนหนุ่มรีบละสายตาจากฝูงค้างคาวมหึมานั่น หันหลังขวับมุ่งตรงไปยังขอบระเบียงที่กั้นดาดฟ้าอยู่

“เดี๋ยว นั่นเจ้าจะไปไหน!?”

ดาร่าพุดด้วยน้ำเสียงที่พยายามแอบซ่อนความกลัวและหวาดหวั่นเอาไว้

เธอรู้ดีว่าเหตุรุนแรงบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แต่เหล่าแวมไพร์กำลังคิดจะทำอะไร ทำไมข้าไม่รู้?? ..

 

จียงชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทัดทาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินต่อโดยไม่คิดจะตอบคำถาม

“กลับบ้านไปซะ!!”

จียงพูดระหว่างที่ก้าวฉับๆอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามอง

“ไม่! เดี๋ยวสิ ควอนจียง ช่วยบอกข้าทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?..”

ดาร่าร้องถามออกไปด้วยความจนมุม ในตายังคงจับจ้องไปยังกลุ่มค้างคาวดำมืด

แม้จะดูโง่ไปซักนิดกับการถามเรื่องการก่อความวุ่นวายของแวมไพร์จากไลเคน

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ จียงเป็นคนเดียวที่จะให้ความกระจ่างกับเธอได้เร็วที่สุด

 

“เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้านะ ซานดาร่า”     จียงพูดโดยไม่ได้หันกลับมาแม้แต่น้อย

อันที่จริงการได้เข้าไปกอดอำลาคนข้างหลังอย่างแนบชิดก่อนจะพบกับศึกหนัก

เป็นสิ่งที่เค้าปรารถนามากเกินกว่าสิ่งใด หากแต่งานนี้ ..

ต้องแข็งใจเข้าไว้ ข่มใจไว้ คืนนี้ข้าจะพลาดไม่ได้ คืนนี้เท่านั้นที่เจ้าจะเป็นศัตรูของข้า .. ซานดาร่า!

 

 

คิดได้เช่นนั้น ไลเคนหนุ่มจึงรีบกระโจนไปที่ขอบระเบียงอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจคนข้างหลัง

เมื่อพ้นขอบระเบียง กรงเล็บคมก็งอกยาวบนมือใหญ่อันแข็งแกร่งและหยาบกร้าน

ขนนุ่มสีน้ำตาลยาวยืดออกมาปกคลุมผิวหนังทั้งร่างกาย

ใบหน้าหล่อคมเปลี่ยนรูปกลายเป็นมนุษย์หมาป่าผู้สง่างาม

คมเขี้ยวที่งอกยาวออกมาราวกับสามารถฝังทะลุลงบนเนื้อหนังได้อย่างง่ายดาย

มัดกล้ามแข็งแรงปูดโปนขึ้นเช่นเดียวกับเส้นเลือดราวกับจะฉีกคู่ต่อสู้ให้เป็นชิ้นๆ

ดวงตาสีเหลืองอร่ามที่ใช้ล่าเหยื่อยามกลางคืนอย่างช่ำชอง

และในที่สุดเสียงหอบคำรามอันน่าเกรงขามของสัตว์ป่าก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณพร้อมจะเข้าสู่การต่อสู้

บัดนี้ ร่างกายของไลเคนหนุ่มที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลควอนได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

จียงพุ่งกระโจนอย่างรวดเร็วใช้กรงเล็บคมของตนยึดเกาะกับกำแพงพระราชวังอันสูงชันไว้อย่างมั่นคง

แล้วเคลื่อนไหวไต่ไปตามกำแพงนั้นรวดเร็ว ว่องไวยากที่คนธรรมดาจะมองตามได้ทัน

แล้วในที่สุด ก็หายเข้าไปในหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดอยู่

โดยทุกๆเหตุการณ์ล้วนปรากฏแก่สายตาของดาร่าทั้งสิ้น ..

 

หลังละจากขอบระเบียงตรงที่ก้มลงมองจียงไปแล้ว ดาร่าที่กำลังตื่นเต้นตกใจทำอะไรไม่ถูก

ก็มองเลิ่กลั่กสำรวจไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเบื้องล่างนั้นฝูงค้างคาวนับพันเริ่มทยอยเข้าสู่พระราชวัง

เสียงหวีดจากสัตว์ตัวเล็กใต้ลมปีกที่กระพือดังระงมไปทั่วบริเวณ

ดาร่าเดาไม่ออกเลยว่าความโกลาหลภายในนั้นจะเป็นยังไง ถึงตอนนี้เธอรู้ดีว่าคงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

จะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แวมไพร์กำลังโจมตีพระราชวังงั้นหรอ?

เพราะอะไรกัน?? ท่านพ่อต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ ..

ไม่รอช้าร่างของแวมไพร์สาวก็ถูกเปลี่ยนเป็นค้างคาวภายในอึดใจ

ปีกเล็กๆคล้ายหนังสีดำก็พาร่างของเจ้าของร่อนลงกลับเข้าสู่ตัวพระราชวังอีกครั้ง

แฝงตัวไปกับฝูงค้างคาวมหึมาที่ยังคงบินเข้าไปในตัวอาคารไม่ขาดสาย

 

.

.

 

“กรี๊ด ดดดดด!!!!! อ๊าก กกกกก!!!!!! ว้ายย ยยยยยย!!!!!!”

เสียงหวีดร้อง ครวญครางผสมผสานการร้องขอชีวิตดังระงมทั่วทั้งท้องพระโรงราชวังสูงสุดแห่งอังกฤษ

ผู้คนมากมายเสียขวัญวิ่งหนีตายอลหม่าน โกลาหลวุ่นวาย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดปรากฏให้เห็นทุกที่

ร่างไร้วิญญาณมากมายถูกทิ้งเกลื่อนกลาด น่าเวทนา

ศพแล้วศพเล่าที่ถูกแวมไพร์สูบเลือดจนเหลือเพียงร่างขาวซีด

ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างพยายามวิ่งหลบหนีออกไปให้พ้นจากพระราชวังเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่มีหรือที่งานของชนเผ่าทระนงยะโสโอหังเช่นนี้จะสำเร็จได้โดยง่าย

ศัตรูคู่อาฆาตเยี่ยงไลเคนไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน

 

ควอนจียง ผู้นำกองทัพไลเคนในร่างของสัตว์ป่าอันบึกบึน

พร้อมกับฝูงมนุษย์หมาป่าอีกจำนวนมากที่รายล้อมกระโจนผ่านซากซึ่งนอนเรียงรายบนพื้น

พร้อมใจกันบุกเข้าสู่ใจกลางพระราชวังเพื่อขัดขวางการกระทำอันอุกอาจของแวมไพร์

ซึ่งการปรากฏตัวอย่างท้าทายของคู่อริครั้งนี้ทำให้เหล่าผีดูดเลือดเบนความสนใจจากต้นคอขาว

แหล่งอาหารอันโอชะมาเป็นฝูงหมาป่าทมิฬที่โอบล้อมเข้ามาโดยปริยาย

 

 

“ยองเบ เจ้าพร้อมรึยัง? ข้าจะลุยล่ะนะ”

จียงพุ่งตรงเข้ามาด้วยท่าทางองอาจนำหน้ากองทัพไลเคน

ตามมาด้วยทงยองเบเพื่อนรักคนสนิทเหมือนเคย ..

“ได้เลยสหาย ข้าพร้อมเสมอ คราวนี้อย่าลืมนับไว้ด้วยล่ะ เพราะข้าจะไม่ออมมือให้เจ้าแน่!”

“หึ แล้วข้าจะตั้งตารอ! งั้นเราแยกกันตรงนี้ เจอกันอีกที เจ้าเตรียมตัวเลี้ยงมื้อค่ำข้าไว้ได้เลย”

 

‘ ควั่บ บบบบ !!!!!!!!! ’

 

ณ กลางพระราชวัง การตะลุมบอนต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่าง 2 สายพันธ์ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างดวลประชันกรงเล็บกันอย่างดุเดือด ทั้งความว่องไว แข็งแกร่ง ..

เล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้อันเหนือชั้น ไม่อาจตัดสินได้ว่าใครจะเหนือกว่าใคร

เสียงคำรามกู่ร้องกึกก้องจากนักสู้ทั้ง 2 ฝ่ายดังโหยหวนชวนขนลุก

ภาพของเจ้าแห่งราตรีและราชันแห่งสัตว์ป่านับร้อยนับพันกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ถึงตอนนี้นักสู้จำนวนมหาศาลต่างต้องสังเวยชีวิตให้กับสนามรบแห่งนี้

ความตายที่แลกมาด้วยศักดิ์ศรีแห่งเผ่าพันธุ์ !!

 

‘ หมับ บบ อึก กกก !!!!!!!!! ’

 

เสียงร่างของแวมไพร์สาวตนหนึ่งถูกอัดเหวี่ยงใส่กำแพงอย่างจังจนกระอักหล่นลงมากับพื้น

ด้วยฝีมือของไลเคนยองเบ ไม่ว่าแวมไพร์ตนไหนกล้าหือตรงมาจะฝังคมเขี้ยวบนร่างกายเค้า

มันผู้นั้นจะต้องจบชีวิตลงด้วยความเจ็บปวด หากแต่ยองเบไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า

ร่างที่เค้าเพิ่งจัดการควักหัวใจจนแหลกคามือ ผู้ซึ่งพยายามใช้กริชเงิน

วัสดุที่สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดของไลเคนหมายจะปลิดลมหายใจเค้านั้น

จะเป็นคนเดียวกับภรรยาสาวแสนสวย ปาร์คฮันบยอล ..

ผู้เป็นที่รักของแวมไพร์ผู้ทรงพลังที่บัดนี้กำลังโกรธแค้นแสนสาหัสและกำลังพุ่งตรงมาที่เค้า

 

“ฮันบยอล ม่าย ยยยยยยยยย!!!! อ๊าก กกก .. มึงไอ้ไลเคนสวะอย่าหวังจะได้มีชีวิตอยู่เลย”

 

.

.

 

อีกด้านหนึ่งของปราสาท ไลเคนปลายแถวจำนวนมากต้องจบชีวิตลงด้วยกรงเล็บของแวมไพร์ตระกูลเชว

ซึงฮยอนปลิดวิญญาณของมนุษย์หมาป่านับสิบอย่างเลือดเย็น

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เค้าได้เพิ่มพลังให้กับตนเองด้วยการดื่มเลือดผู้ดีอังกฤษไปไม่ต่ำกว่า 3 คน

ดวงตาคมสีดำขลับที่มองไม่เห็นแววตานั้นเพียงจ้องเข้าไปในตาของไลเคนจิตอ่อนตนใด

เป็นต้องปวดแสบปวดร้อนเหมือนถูกกริชเงินเล่มคมกรีดลงกลางหัวใจด้วยความทรมาณทุกรายไป

พลังจิตอันกล้าแข็งเยี่ยงนี้เป็นสิ่งที่ถูกสืบทอดกันมาในตระกูลเลือดบริสุทธิ์ของแวมไพร์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ

แวมไพร์หนุ่มรู้สึกฮึกเหิมและสะใจทุกครั้งที่จัดการไลเคนได้แต่ละตัว

สิ่งที่แดซองชอบที่สุดในแผนการครั้งนี้ คือการได้หยุดลมหายใจ

และดื่มเลือดไลเคนจากฝีมือการฆ่าของเค้าเอง ..

 

“เชวซึงฮยอน ท่านควรระวังพฤติกรรมให้มากกว่านี้ เลิกเล่นสนุกเสียทีแล้วทำตามแผนได้แล้ว ..”

เสียงแวมไพร์อาวุโสหัวหน้าตระกูลปาร์คดังขึ้นเตือนสติซึงฮยอน

ชายหนุ่มหันไปมองอย่างขัดใจ เค้าไม่ชอบเลยที่คนในตระกูลนี้พูดจาเหมือนตนเองเหนือกว่าคนอื่น

แต่ถึงยังไงตอนนี้เค้าก็ทำอะไรไม่ได้ .. ‘ ข่มใจไว้ซึงฮยอน ไม่นานหรอก พวกมันจะได้รู้ ..

ว่าผลของการยกตัวเองข่มคนอื่นนั้นมันเป็นยังไง ’

แวมไพร์หนุ่มคำรามอย่างหงุดหงิดก่อนออกจากบริเวณนั้นมุ่งตรงไปยังห้องๆหนึ่งตามแผนที่วางเอาไว้

แผนจับตัวนายกรัฐมนตรีและกษัตริย์เฮนรี่แห่งอังกฤษ

 

.

.

 

“พี่โบมี ทุกคนจะเป็นไงกันบ้าง? ข้าไม่สบายใจเลย”

แชรินถามอย่างร้อนใจ คนตัวเล็กนั่งกระสับกระส่ายมาตลอดทางกลับบ้านในรถม้าสีดำทะมึน

ที่มุ่งออกจากพระราชวังตั้งแต่เริ่มรู้การเคลื่อนไหวของแวมไพร์ก่อนความโกลาหลทั้งมวลจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

“ใจเย็นๆเถอะแชริน ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก ทั้งท่านพ่อ จียง ยองเบ แล้วก็ซึงรี ..

ทุกคนเก่งๆกันทั้งนั้น พวกเค้าต้องปลอดภัยแน่นอน เชื่อข้าสิ”

โบมียิ้มกว้างเพราะต้องการทำให้แชรินสบายใจ

แต่ใจจริงแล้ว เธอเองก็ไม่ได้กังวลน้อยไปกว่าน้องสาวคนสนิทเลย ..

จะว่าไปแล้วโบมีกับแชรินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็จริง หากแต่โบมีนั้นเป็นเพียงลูกบุญธรรม

ที่คุณผู้หญิงควอน มารดาแท้ๆของจียงเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ

เธอจึงกลายเป็น ‘ มนุษย์ ’ คนเดียวที่อาศัยอยู่ร่วมกับไลเคนในคฤหาสน์

และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

“พี่คิดอย่างนั้นจริงๆหรอ? แต่พี่ก็รู้หนิว่าแวมไพร์เก่งกาจขนาดไหน ..

แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง เราไม่มีทางได้เปรียบเค้าเลย”

แชรินพูดอย่างกังวลใจพร้อมก้มหน้าลง เสียงเล็กนั้นแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

โบมีไม่รู้จะปลอบใจน้องสาวอย่างไรดี เพราะเธอเองก็ไม่สบายใจ

จึงได้แต่เอื้อมมือไปโอบไหล่คนข้างๆแล้วดึงกระชับเข้ามาใกล้กัน

หยาดฝนที่กระหน่ำมาตลอดทาง สายฟ้าร้องคำราม เสียงฝีเท้าของม้าเทียมที่ควบวิ่งมุ่งกลับคฤหาสน์

ดังแข่งกับเสียงเม็ดฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะซาลง บนเบาะหนังนุ่มมันขลับ ..

คน 2 คนนั่งแนบชิดกันเพื่อบรรเทาความกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจ

มือที่เกาะกุมกันแน่นกำลังร่วมกันภาวนาให้ผู้เป็นที่รักของทั้งคู่กลับบ้านด้วยความปลอดภัย

 

‘ พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดคุ้มครองครอบครัวของข้า อาเมน อ๊ะ! แล้วก็ถ้าพระองค์จะมีเมตตา ..

ข้าขอให้เชวซึงฮยอนผู้นั้นปลอดภัยเช่นกัน อาเมน ’

 

.

.

 

‘ เปรี้ยง งงงงงง !!!!!! ’

 

เสียงฟ้าผ่าดังผ่านกระจกหน้าต่างที่กลายเป็นฝ้าจากไอเย็นของเม็ดฝนที่ตกกระทบเป็นระยะๆ

บรรยากาศทั้งภายในภายนอกพระราชวังช่างมืดมนอึมครึมไม่ต่างกัน

ตามระเบียงทางเดินที่วังเวง แสงริบหรี่จากโคมไฟที่ติดๆดับๆ

ไม่ต่างจากข้าวของ เครื่องประดับสวยงามที่บัดนี้กลายเป็นซากหักพังไม่มีชิ้นดี

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ดาร่าก็เห็นแต่ภาพที่ทั้งมนุษย์ แวมไพร์ และไลเคน ..

นอนสิ้นสภาพเกลื่อนกลาดเหลือเพียงร่างไร้ชีวิต

ซึ่งเธอเองก็เป็น 1 ในผู้ที่ร่วมสงครามแห่งเผ่าพันธุ์ครั้งนี้

หากแต่บุตรสาวคนเล็กแห่งตระกูลแวมไพร์ชื่อดังที่เป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรม

ยังไม่แม้แต่จะรู้ที่มาที่ไปหรือเหตุผลที่แท้จริงของชนวนการต่อสู้เลย

การที่เธอจัดการไลเคนไปจำนวนมากก็เป็นเพียงการกระทำตามสัญชาติญาณในการป้องกันตัวเท่านั้นเอง

 

ตั้งแต่แยกกับจียง ดาร่าพยายามเดินหาใครก็ตามที่สามารถบอกเธอได้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่คนพวกนั้นไม่มีแม้แต่เวลาจะอธิบาย การต่อสู้เริ่มขึ้นและดำเนินไปอย่างดุเดือด

จนทุกคนดูสับสนวุ่นวายและยุ่งเกินกว่าจะให้คำตอบกับคนตัวเล็กได้

ดาร่าเจอคนรู้จักและลูกน้องในตระกูลหลายคน แต่ยังไม่ทันจะได้ความ

บ้างก็ถูกฆ่า บ้างก็หนีกระจัดกระจาย บ่อยครั้งที่ดาร่าต้องหลบกรงเล็บของไลเคนอย่างฉิวเฉียด

เพราะมัวแต่มองหาใครก็ตามที่จะให้ความกระจ่างกับเธอได้

คนตัวเล็กสับสนกังวลใจไปหมด ไม่รู้ป่านนี้พ่อแม่และทุกๆคนจะเป็นยังไงบ้าง ..

 

 

‘ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ดองอุค ท่านอยู่ที่ไหน? พี่ฮันบยอล ใครก็ได้บอกข้าทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น?? ’

 

ดาร่าก้าวอย่างรวดเร็วตามทางที่มืดสลัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

พยายามค้นหาใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอมั่นใจว่าครอบครัวของเธอยังคงอยู่ในนี้

และรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ดลใจให้เธอเดินตามทางนี้เรื่อยๆ เรื่อยๆ ..

 

 ‘ กรอด ดดดดดดด !!!!!!!!! ’

 

เสียงขู่จากลำคอที่ฟังดูเหมือนกำลังข่มขวัญคู่ต่อสู้ดังขึ้นเบื้องหน้าเกือบสุดระเบียงทางเดินยาว

แสงรำไรทำให้ดาร่าพอสังเกตเห็นชาย 2 คนกำลังยืนเผชิญหน้ากัน

ท่าทางเหมือนหยั่งเชิงกันอยู่ ร่างบางเห็นดังนั้นก็รู้แน่ว่าอีกไม่นานคงมีการต่อสู้เกิดขึ้น

ไม่รอช้า ดาร่าค่อยๆย่องเข้าไปด้วยฝีเท้าที่เบาเยี่ยงจอมโจร

อยากรู้นักว่า 2 คนนั้นเป็นใคร และเธอก็มั่นใจว่า 1 ในนั้นต้องเป็นคนของตระกูลปาร์คแน่นอน

 

‘ เปรี้ยง งงงงงง !!!!!! ’

 

ทันทีที่เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เท่าที่เห็นจากไกลๆดาร่าคิดว่าน่าจะเป็นไลเคนที่เป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตี

ทั้ง 2 ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างว่องไว เสียงกระแทกจากการปะทะของทั้งคู่

ดังโครมครามก้องไปทั่วบริเวณที่เงียบสงัด เสียงขู่คำรามข่มขวัญดังระงม

ในขณะที่ 2 คนนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างพัลวัน .. ดาร่าค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ได้ระยะหนึ่ง

ความรู้สึกที่ปนเปกันระหว่างความกังวลและดีใจก็ผุดขึ้นในใจของแวมไพร์สาว

เจอแล้ว! เสียงนี้ ท่าทางการต่อสู้ที่คุ้นเคยแบบนี้ ข้าจำได้ว่าเป็นของพี่ดองดุค !! ..

 

‘ ปัง งงงงงง !!!!!! ’

 

เสียงร่างของไลเคนกระแทกกับประตูที่ตั้งอยู่สุดทางเดินดังสนั่นหวั่นไหว

แต่เพียงไม่นาน เจ้าของสายตาสีเหลืองสดกับลุกขึ้น กระโจนผ่านร่างของแวมไพร์หนุ่ม

พร้อมกับฝากรอยแผลยาวไว้ที่หน้าท้องอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ

โลหิตแดงฉานค่อยๆซึมออกมาจากแผลลึกเป็นทางยาว ทำเอาดองอุคเจ็บไม่น้อย

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มหน้าฝาก

หายใจหอบด้วยความเหนื่อย แววตาจ้องเขม็งไปยังศัตรูตรงหน้า

หยาดน้ำตาที่รินไหลอาบ 2 แก้ม เกิดจากความเสียใจผสมกับความเคียดแค้น

แค้นที่เค้าต้องสูญเสียชีวิตภรรยาอันเป็นที่รักด้วยน้ำมือของไลเคนน่ารังเกียจเช่นนี้

‘ ไม่ต้องห่วงฮันบยอล ข้าจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง !!! ’

 

 

ไม่รอช้า ร่างปราดเปรียวนั้นก็แยกเขี้ยวกระโจนใส่คู่ต่อสู้ด้วยอารมณ์โกรธจัด

กริชเงินแสนคมในมือถากผิวที่ปกคลุมไปด้วยขนยาวรุงรังของเจ้าแห่งสัตว์ป่าชั่วเสี้ยววินาที

ยองเบก้มมองแผลนั้นเพราะความเจ็บ แร่เงินช่างร้ายกาจนักสำหรับมนุษย์หมาป่า

แต่แรงฮึดก็พลุ่งพล่านขึ้นอีกในตัวยองเบด้วยสัญชาติญาณของนักสู้

‘ ทำข้าเจ็บใช่มั๊ย? แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!! ’

 

โดยไม่ทันที่ดองอุคจะได้ตั้งตัว ไลเคนหนุ่มก็กระโจนขึ้นสู่เพดาน

เป้าหมายคือโคมไฟระย้าขนาดมหึมาที่แขวนอยู่บนเพดาน

อุ้งเล็บแข็งแรงตวัดกระชากวัตถุขนาดหนักร่วงลงสู่พื้นอย่างเหมาะเจาะตามแผนของยองเบ

เป็นผลให้ดองอุคล้มลงจากแรงกระแทกของโคมไฟขนาดมหึมานั้น

แต่ขณะที่ยองเบเงื้ออุ้งเล็บหมายจะปลิดชีวิตแวมไพร์หนุ่มเฉกเช่นเดียวกับที่เพิ่งสังหารฮันบยอลไปนั้น

สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ! ..

 

‘ ฉึก กกกกกก !!!!!! ’

 

เสียงกริชเงินแหวกผ่านอากาศจากที่ใดที่หนึ่งในความมืด

ปักลงกลางหลังทะลุถึงหัวใจของไลเคนผู้ไม่ได้ล่วงรู้ถึงชะตาชีวิตของตนเลยแม้แต่นิด

ทงยองเบทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด แร่เงินกำลังไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเค้า

แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ลุกลามกัดกินเนื้อเยื่อของมนุษย์หมาป่าผู้นี้

ดวงตาที่ค่อยๆหรี่ของไลเคนชะตาขาด หันมองไปยังคนที่พึ่งปรากฏตัวจากเงามืด

ดาร่าเดินอย่างรวดเร็วตรงเข้ามาหาพี่ชายโดยไม่สนใจอีกคนที่นอนหายใจรวยริน

“พี่ดองอุค ท่านเป็นอะไรรึเปล่า? เจ็บตรงไหนมั๊ย?”

“ฮะ ฮึก กก ฮันบยอล ดาร่า ฮันบยอลตายแล้ว ฮือ อออ ฮันยบอล ..”

ยังไม่ทันที่ความตกใจจากสิ่งที่ได้ยินจากปากของพี่ชายจะจางหาย

ดาร่าก็ต้องนิ่งอึ้ง ตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเสียงหนึ่งที่คนตัวเล็กไม่คาดว่าจะได้ยินที่นี่ เวลานี้ กลับดังขึ้น ..

 

 

“ยองเบ บบบบบบบบบบบ !!!!!!!”

เสียงร้องคำรามจากด้านหลังของดาร่าดังก้องแข่งกับเสียงเม็ดฝนปะทะกระจกหน้าต่างด้านนอก

ทำให้ร่างบางที่กำลังกอดปลอบใจพี่ชายของตนอยู่ถึงกับขนลุกซู่

ดาร่าจำได้แม่น เสียงนี้ .. แวมไพร์สาวหันขวับไปมองทันที

“คะ ควอนจียง”

เสียงแผ่วเบาในลำคอยากที่ใครจะได้ยิน พึมพำออกจากปากของหญิงสาวที่ตัวแข็งทื่อ

‘ อย่าบอกนะว่า .. ’ ดาร่าค่อยๆหันกลับไปมองไลเคนที่นอนหอบหายใจเหนื่อยอ่อน

คนที่ตกเป็นเป้าของกริชคมจากฝีมือของเธอเมื่อไม่กี่วินาทีมานี้

 ‘ ไลเคนตนนี้กับควอนจียง .. ไม่จริงใช่มั๊ย !? ’

 

ขณะที่แวมไพร์สาวกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ตนคิด จียงที่กำลังอยู่ความตระหนกสุดขีด

เดินผ่านดาร่าที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุ

สายตาที่เบิกกว้าง ความกลัวที่คลอบคลุมจิตใจของจียงมันยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้

ร่างสูงรีบปราดไปยังร่างที่นอนหลับตานิ่งไร้เรี่ยวแรงและเจ็บปวดทรมานของเพื่อนรัก

 

“ยองเบ ลืมตาขึ้นมาสิ เจ้ายังไหวมั๊ย? ลุกขึ้นมาข้าจะพาเจ้ากลับเอง ..

ไหนว่าเจ้าจะเลี้ยงมื้อค่ำข้าไง นี่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลยนะ เจ้าจะมาทิ้งข้าไปแบบนี้ไม่ได้ ยองเบ!!”

เสียงพูดระคนคร่ำครวญดังขึ้น จียงรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นทันทีที่เหลือบไปเห็นกริชเงินที่ปักอยู่

เค้ากำลังจะสูญเสียเพื่อนรักไป แม้ความเสียใจจะมากล้นเท่าไหร่

แต่น้ำตายังคงถูกกักเก็บไว้ในที่ของมัน

หรืออาจจะเป็นเพราะความเสียใจมันมากเกินกว่าจะระบายได้ด้วยน้ำตาเพียงไม่กี่หยด

“จะ จียง คะ คราวนี้ ข้า อะ อาจจะชนะเจ้าก็ได้”

ยองเบพูดด้วยความยากลำบาก เสียงแหบจากลำคอที่แห้งผากดังออกมาพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

ที่พยายามฝืนให้เพื่อนรักได้จดจำภาพนี้เป็นครั้งสุดท้าย

แต่เปลือกตาทั้ง 2 ข้างกลับค่อยๆปิดลง .. ข้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แล้ว ข้าเหนื่อยเหลือเกิน

 

“ใช่ๆ เจ้าชนะแล้ว เจ้าชนะข้านะยองเบ ลุกขึ้นมาสิ ข้าจะพาเจ้าไปกินของอร่อยๆที่เจ้าชอบ..

ข้ายอมทุกอย่าง ข้าจะไม่ตะคอกเจ้าอีก ข้าจะปล่อยให้เจ้าทะเลาะกับแชรินจนพอใจ จะไม่ขัดใจเจ้าเลย ..”

น้ำเสียงสั่นเครือดังออกจากปากชายที่ได้ชื่อว่าใจแข็งที่สุดคนหนึ่ง

ไม่มีครั้งไหนที่จียงจะเสียใจเท่าครั้งนี้อีกแล้ว

ยองเบแค่นหัวเราะออกมาเบาๆด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่

เมื่อได้ยินคำพูดพาดพิงไปถึงอีกคนหนึ่งที่เค้าผูกพันด้วยไม่แพ้จียง

“ฝาก ชะ แชรินด้วยนะ บอกเค้าว่า ข้าคง จะ ไม่ได้แหย่เค้าอีกแล้ว แค่กๆ .. ดูแล ตัวเอง นะ จะ จียง”

ทันที่ที่จบประโยค ร่างทั้งร่างก็เหมือนไร้การโอบอุ้มจากจิตวิญญาณ

มือหนาทั้ง 2 ทิ้งลงข้างตัวไร้แรงพยุง ดวงตาริบหรี่เมื่อครู่ก็ปิดสนิทลง

ลมหายใจหยุดนิ่งตามเสียงหัวใจที่ไม่สามารถสูบฉีดโลหิตได้อีกต่อไป

ณ บัดนี้ ทงยองเบ กำลังจะได้พักผ่อนอย่างสงบ ในดินแดนอันไกลโพ้น ชั่วนิรันดร์ ..

 

 

ภาพตั้งแต่สมัยเด็ก เรื่องราวต่างๆที่ร่วมผจญภัยมาด้วยกัน

ความฝันของเด็กชายตัวน้อยทั้ง 2 ผ่านเข้ามาจากทุกๆความทรงจำของจียง

เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เค้าและยองเบกลายเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนเที่ยว และเพื่อนตาย

เพื่อนคนนี้คือคนที่รู้ใจเค้าที่สุดและมักยืนข้างเค้าเสมอในยามทุกข์ใจ

เรื่องราวระหว่างเพื่อนรักทั้ง 2 ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คำพูดและท่าทางตลกๆของยองเบ

ที่สรรหามาทำให้จียงสบายใจ ปรากฏขึ้นเรียงรายไม่ขาดสายในโสตประสาทของควอนจียง

 

‘ ซักวันจียงจะต้องเป็นพระราชา และข้าทงยองเบจะเป็นองครักษ์ให้เจ้าเอง ’ 

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
ryouchi_chan
#1
WHAT???????
ryouchi_chan
#2
WHAT???????
JunielPanda
#3
plz engver T_T i can't understand
ammie16 #4
สนุกมากเลยค่ะ อย่าลืมมาอัพต่อนะคะ