Chapter 5

Bloody Romance

 

‘ ครืน นนนน !!!!! ’

เสียงคำรามของฟ้าฝนภายนอกยังดังกึกก้อง

แสงสีขาวแปลบปลาบยังคงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในความมืดของทางเดินเป็นช่วงๆ

ไร้ซึ่งเสียงพูดคุย ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

จียงก้มหน้าหลับตานิ่ง มือทั้ง 2 ยังชุ่มไปด้วยเลือดแดงฉาน

ที่ปนกับของเหลวสีเงินขุ่นจากบาดแผลของเพื่อนรัก

ดาร่าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพียงแต่นิ่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้น

ด้วยความรู้สึกหลากหลายคับแน่นในอก ตอนนี้มันบอกไม่ถูกเลยว่ากำลังรู้สึกยังไง

จากบทสนทนาฟังดูก็รู้ว่าจียงกับไลเคนที่ตายด้วยน้ำมือเธอสนิทสนมกันขนาดไหน

ทำไม? ทำไมถึงรู้สึกผิดขนาดนี้? .. ทำไมข้าต้องกลัวด้วย? แล้วสิ่งที่ข้ากำลังกลัวคืออะไรกัน??

 

“ใคร? ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้?”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นทำให้ดาร่าสะดุ้ง เจ้าของดวงตาที่บ่งบอกอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

หันมามองแวมไพร์สาวที่นั่งตัวแข็งอยู่ คนตัวเล็กยังไม่แม้แต่จะกระดิกตัวหรือเปิดปากตอบคำถามใดๆ

ทั้งๆที่ตอนนี้ภายในใจของเธอกำลังร้อนรนเกินกว่าจะอธิบายได้ ..

“ช่วยบอกข้าที ซานดาร่า บอกทีว่าคนๆนั้นไม่ใช่เจ้า”

เสียงพูดเชิงอ้อนวอนเป็นนัยดังทำลายความเงียบอีกครั้ง

ถึงตอนนี้ดาร่าได้แต่เม้มปากแน่น สายตารีบเบี่ยงหนีนัยน์ตาคมที่จับจ้องเธอเหมือนกำลังเค้นหาความจริง

 

“ใช่ ข้าเอง .. ข้าเป็นคนฆ่าเค้า”

ดาร่าสูดลมหายใจลึกก่อนตอบออกมาอย่างชัดเจน

‘ ข้าไม่ผิด ทำไมจะต้องกลัว? หากไม่ใช่ข้าที่ลงมือเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ..

พี่ดองอุคคงต้องเป็นฝ่ายถูกกำจัด และข้าคงจะเป็นคนนั้น คนที่ต้องเสียใจ แทนที่จะเป็นเจ้า ’

 

 

คำพูดหนักแน่นและสายตาอันแน่วแน่ของดาร่าเป็นเครื่องบอกได้อย่างดีว่าสิ่งที่จียงกลัวมันเป็นความจริง

ชายหนุ่มกำมือจนเส้นเลือดตามแขนปูดโปน ฟันกรามถูกขบกัดแน่นเพื่อระบายความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจ

ไร้ซึ่งคำพูดใดๆอีก จียงยกร่างไร้วิญญาณของเพื่อนรักขึ้น ตรงไปยังบานหน้าต่าง

อุ้งมือของร่างที่กลับกลายเป็นหมาป่าทุบกระจกแก้วใสจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

ก่อนพาร่างของยองเบกระโจนออกไปยังความมืดมิดและเย็นเฉียบท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ

ในค่ำคืนแห่งโศกนาฏกรรมที่จะต้องถูกจดจำไปอีกนานเท่านาน ..

 

.

.

 

‘ ซ่า าาาาา ๆๆๆ ’

เสียงฝนยังคงโปรยปรายอย่างต่อเนื่องจากท้องฟ้ามืดครึ้ม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม

ร่างเล็กของแวมไพร์สาวนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่บนเตียงนุ่มภายในคฤหาสน์ตระกูลปาร์ค

ดวงตาคู่สวยยังคงเบิกโพลงมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ภายในสมองคิดวนแต่เรื่องเดิมซ้ำๆซากๆ

สายตาคมกร้าวที่จ้องมองเธออย่างตัดพ้อยังคงชัดเจนในมโนภาพ

ทำเอาคนตัวเล็กไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลย แน่นอนดาร่าเคยฆ่าคนมานักต่อนัก

สัญชาติญาณนักล่าอย่างเธอไม่เคยมีซักครั้งที่จะเสียใจกับสิ่งที่ทำไป แต่ครั้งนี้ .. เพราะคนๆนั้น

ความรู้สึกแบบนี้ มันบ่งบอกได้แล้วใช่มั๊ยว่าเธอแคร์จียงมากแค่ไหน?

ดาร่ากำลังกลัว กลัวโดนเกลียด .. ตอนนี้ทุกอย่างในจิตใจมันบ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่า

เหตุที่เธอพยายามปฏิเสธคนๆนี้ตั้งแต่แรกมันเป็นเพราะอะไร?

 

‘ เพราะท่านกำลังมีอิทธิพลต่อข้ามากเกินไป ควอนจียง มากจนข้ากลัว ’

 

“ไม่สิ!! ทำไมจะต้องคิดมากด้วย เราไม่ผิด จำไว้ดาร่า ไม่ผิด”

ดาร่าหน้ามุ่ยพึมพำกับตัวเองแล้วพยายามตะกุยตะกายลุกขึ้นจากเตียง

เพียงเพื่อจะหลุดพ้นจากอิริยาบถเดิมๆ พยายามหาทางทำให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่านซักที

คนตัวเล็กลุกขึ้นมาได้ก็เดินตรงไปยังริมหน้าต่างที่มีไอน้ำเกาะอยู่บางๆ

บรรยากาศอันหนาวเย็นทำให้เธอต้องกระชับกอดตัวเองอย่างหลวมๆ

แวมไพร์สาวทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกอึดอัดใจ

สวนของคฤหาสน์ที่เคยดูร่มรื่นสดชื่นในยามเช้า แต่บัดนี้ช่างแตกต่างไปเหลือเกิน

ความมืดยามราตรี ฝนที่โปรยปรายลงมา และเสียงฟ้าร้องข่มเช่นวันนี้ทำให้ความงามข้างล่างนั้นดูวังเวงนัก

 

ดาร่ามองดูสวนเบื้องล่างด้วยสายตาเหม่อลอย ในหัวมันขาวโพลนไปหมด

แต่ทันทีที่แสงจากสายฟ้าแล่บปรากฏขึ้นอีกครั้ง บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยมีอยู่ตรงนั้น

กลับทำให้ใจของเธอแทบหยุดเต้น มีคนอยู่ตรงนั้น!! .. ใครกัน?

ดาร่าสะดุ้ง รู้สึกว่าใครก็ตามที่อยู่ข้างล่างนั่นกำลังจ้องมองขึ้นมาข้างบน ผ่านหน้าต่างบานที่เธอยืนอยู่

แวมไพร์สาวขยี้ตาแล้วตั้งใจมองลงไปอีกครั้งผ่านความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว

แล้วในที่สุด เมื่อสายตาปรับชินกับความมืด ภาพที่เห็นทำให้ดาร่าต้องตกตะลึง ไม่จริง! นั่นมัน ..

ด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ดาร่าค่อยๆถอยห่างออกมาจากบานหน้าต่าง 2-3 ก้าว

และไม่ว่าจะตาฝาดหรือไม่ก็ตามแต่ไม่ทันได้คิดอะไร ดาร่าก็รีบคว้าเสื้อคลุมบางสีขาววิ่งออกจากห้องนอน

ซอยเท้าก้าวลงบันไดวนปูด้วยพรมสีแดงอย่างรวดเร็ว

ผ้าแพรที่สวมอยู่พลิ้วตามแรงลมที่เกิดจากความเร่งรีบ

คนตัวเล็กตรงรี่ออกจากคฤหาสน์ทันทีที่ถึงชั้นล่างราวกับจะไม่ยอมให้เวลาสูญเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว

 

ดาร่าวิ่งท่ามกลางสายฝนพรำที่กำลังโหมกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย

2 เท้าเปล่าจ้ำอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างผ่านสนามหญ้าตรงไปยังสวนให้เร็วที่สุด

เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมหรือเพราะอะไร แต่พอรู้สึกตัวอีกที

ขาทั้ง 2 ข้างก็พาเธอมาอยู่ตรงนี้ ที่ๆเมื่อครู่คนๆนั้นเคยยืนอยู่ แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า

ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของคนที่เธอทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอที่สุดในเวลาเดียวกันอยู่ตรงนั้น

ดาร่าหันซ้ายหันขวามองรอบๆตัว สายตาที่หวั่นเกรงระคนตื่นเต้นเพ่งตรงไปในความมืด

‘ อยู่ไหนล่ะ? หายไปไหนแล้ว? .. ข้าตาฝาดไปงั้นหรอ?? ’

 

.

.

 

‘ แกร้ก กก ’

เสียงประตูปิดลงเบาๆ บัดนี้ด้วยเนื้อตัวที่เปียกโชก

ดาร่าได้กลับเข้ามาภายในห้องนอนอันอบอุ่นของเธออีกครั้ง

คนตัวเล็กหลับตาลง เอนกายพิงบานประตูด้วยความเหนื่อยอ่อน

วันนี้ทั้งวันเธอผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมายเหลือเกิน

ถ้าเพียงเธอไม่รู้จักควอนจียงนั่น ทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนี้

ไม่ต้องมารู้สึกผิดกับการปลิดชีวิตไลเคนซักคน แล้ววันนี้ก็คงเป็นเพียงวันธรรมดาๆที่ผ่านไป เท่านั้นเอง ..

 

“อย่าคิดมากน่า เราก็แค่ตาฝาดไปเท่านั้น เค้าจะมาที่นี่ทำไมกัน?..”

ดาร่าพูดเพื่อไล่ความคิดออกจากสมองแล้วเดินไปนั่งสงบสติอารมณ์บนเตียง

ทั้งที่ยังไม่ทันได้ขจัดความเปียกชื้นออกจากร่างกาย

‘ ท่านคงไม่มาที่นี่หรอก เพราะท่านกำลังเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ คงจะนั่งไว้อาลัยให้แก่สหายของท่าน ..

สาปแช่งข้าจากที่ไหนซักแห่ง นี่ข้าผิดหรอ? แล้วไม่มีอะไรที่จะทำให้ข้าแก้ไขความผิดครั้งนี้ได้เลยรึไง? ..

ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ บ้าจริง! ข้าเป็นอะไรไปนะ ควอนจียง เจ้าบังอาจมากที่ทำให้ข้ารู้สึกผิดได้ขนาดนี้’

 

‘ แปะ แปะ ’    ระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังคิดวุ่นวายอยู่กับตัวเอง

จู่ๆหยดน้ำเล็กๆ 2-3 หยดก็หล่นจากเพดานร่วงผ่านหน้าแวมไพร์สาว

ดาร่าขมวดคิ้วเงยหน้ามองเพดานตามสัญชาตญาณทันที

‘ สวบ บบบบบบบบบ !! ’   

ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของใครบางคนก็กระโจนลงจากเพดานห้องเฉียดดาร่าไปเพียงปลายจมูก

แวมไพร์สาวตาโตตกใจสุดขีดผงะถอยหนีขึ้นไปบนเตียงใหญ่

“ควอนจียง!!!!”

ไลเคนร่างกำยำยืนตระหง่านต้องแสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียง

ใบหน้าดุคมใช้สายตาถมึงทึงจองมาที่ดาร่าไม่กระพริบ

สิ่งที่เห็นทำให้ดาร่านึกไปถึงการต่อสู้อันรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่นานอีกครั้ง ..

 

 

“เจ้า!!! เจ้าเข้ามาได้ยังไง?”

ดาร่าโพล่งถามออกมา สีหน้ายังคงตื่นไม่หาย .. ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ เจ้าของใบหน้าเรียบเฉย

กลับเอื้อมตัวคว้าต้นแขนของดาร่าอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าตัวไม่ทันจะได้ขืนตัวถอยหนี

“จะทำอะไรน่ะ!!? ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ครั้งนี้ข้าเอาจริงนะ!”

แวมไพร์สาวสะบัดแขนมองจียงสายตากร้าว แต่จียงยังคงนิ่ง มือแกร่งกำแขนดาร่าเอาไว้แน่น

“บอกให้ปล่อยไง ปล่อย ยย !!!!!!!”

คนตัวเล็กตวาดเสียงดังพร้อมมืออีกข้างที่ว่างข่วนตะปบหน้าคนที่พันธนาการเธออยู่อย่างแรงจนหน้าหัน

ไม่นานใบหน้าที่มีรอยเลือดซึมก็หันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเคย

เพียงแต่คราวนี้มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาในอากาศอย่างรวดเร็ว

ดาร่าหลับตาปี๋ รู้ตัวว่าคราวนี้เธอคงจะไม่รอดพ้นอุ้งเล็บอันแหลมคมของไลเคนเป็นแน่แท้ ..

 

แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดโดยสิ้นเชิง สัมผัสที่ได้รับแทนที่จะเป็นความเจ็บปวด

กลับเป็นเพียงปลายนิ้วมืออันแผ่วเบา ไล้ไปตามเส้นผมของเธออย่างอ่อนโยน

ดาร่าตะลึงตัวแข็ง ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมอง .. สิ่งที่เธอเห็น

จียงกำลังเลื่อนหลังมือเย็นเฉียบไล้ลูบแก้มนุ่มเบาๆ สายตามองตามไปทุกจุดที่มือนั้นลากผ่าน

ใบหน้าที่กำลังจ้องมาทำให้ดาร่าใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาที่เคยเย็นชาเมื่อครู่

กลับฉายแววเศร้าหมองจับใจ เป็นแววตาที่เหมือนกำลังพยายามข่มความรู้สึกที่อัดแน่นบางอย่าง

ตอนนี้ดาร่างงไปหมดแล้ว สิ่งที่จียงกำลังแสดงออกมา มันหมายถึงอะไรกันแน่? ..

 

“อะ เอ่อ เจ้า..”

ดาร่าเปิดปากกำลังจะทักท้วงบางสิ่งบางอย่าง แต่ริมฝีปากอุ่นที่เผยอน้อยๆ

กลับถูกหยุดด้วยนิ้วที่ไล่ลงมาแตะเบาๆที่เรียวปาก คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ

ความคิดและเรี่ยวแรงจะต่อต้านหดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

จากความรู้สึกตื่นกลัวกลายเป็นความรู้สึกที่เบาหวิวไปทั้งร่าง .. ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ?

อุ้งมือใหญ่ที่โอบพยุงใบหน้าสวยอย่างเบามือ ไล้นิ้วสัมผัสผิวใสอ่อนนุ่ม เหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ

ร่างหนาค่อยๆโน้มหน้าเข้าใกล้ดาร่าอย่างเชื่องช้าดั่งโดนมนต์สะกด

ดาร่าทำได้เพียงปิดเปลือกตาแล้วปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มประทับลงแผ่วเบาบนหน้าผากขาวเนียน .. เนิ่นนาน

ราวกับต้องการถ่ายทอดความรู้สึกทุกๆอย่างให้คนตรงหน้าได้รับรู้

 

ไม่แน่ใจว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน

จียงถอนริมฝีปากออกมาเชื่องช้า จ้องมองใบหน้าที่ยังคงหลับตาพริ้มอย่างหลงใหล

แต่ในที่สุดเค้าก็ต้องเบนหน้าหนี เพราะความรู้สึกบางอย่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่ภายในใจ

“ควอนจียง..”

เสียงเรียกแผ่วเบาที่ดังขึ้นในความเงียบทำให้จียงรู้สึกตัว

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สายตาที่เหมือนกับจะอ่อนลงกลับแข็งกร้าวขึ้นยิ่งกว่าที่เคย

จียงผละออกจากดาร่าทันที ลุกลงจากเตียงมุ่งหน้าไปยังบานหน้าต่างสูงตระหง่าน

“เดี๋ยว! ท่านไม่คิดจะพูดอะไรบ้างรึไง?”

ดาร่าที่เพิ่งหายจากความเคลิบเคลิ้มเผลอไผลกับสัมผัสอ่อนโนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อครู่

พูดโพล่งออกมาด้วยความงุนงงในการกระทำของจียง

ไลเคนหนุ่มหยุดชะงัก โดยไม่ได้หันมา และเสียงทุ้มก็ดังขึ้นเป็นครั้งแรก

 

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ข้าก็รู้ตัวว่าตกหลุมรักเจ้าเข้าแล้ว .. จนถึงวันนี้ข้าก็ยิ่งมั่นใจในความรู้สึก ..

ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ข้ารักเจ้า ซานดาร่า”

“แต่ความรักของข้ามันได้จบลงแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ข้าถอนริมฝีปากออกจากหน้าผากเจ้า ..

เพราะตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าคือศัตรูคนสำคัญของข้า หากผ่านคืนนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเราจะเจอกันที่ไหน ..

หรือเมื่อไหร่ ข้าจะแก้แค้นให้ยองเบ!”

 

ด้วยความตื่นตะลึง ความสับสน ระคนเจ็บปวด ดาร่าไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า

รู้สึกเสียใจขนาดไหนกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ คนตัวเล็กหน้าชา ปล่อยให้เจ้าของคำพูดทำร้ายจิตใจเธอ

กระโจนออกจากบานหน้าต่าง หายวับกลืนไปกับความมืดยามราตรี

ในค่ำคืนของวันที่เกิดเรื่องราวพลิกผันชีวิตผู้คนมากมาย หากใครก็ตามที่ยังไม่เข้าสู่ห้วงนิทรา

คงจะได้ยินเสียงหอบคร่ำครวญด้วยความปวดร้าวที่เกิดจากความลุ่มหลงและความเกลียดชัง

ผสมปนเปกันไป แข่งกับเสียงฝนฟ้าที่ยังคงตกอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน

จากสถานที่ที่ไม่ได้ไกลห่างจากคฤหาสน์อันใหญ่โตเท่าไหร่นัก

คฤหาสน์ของตระกูลปาร์คที่กำลังจะได้ครองความยิ่งใหญ่ในราชอาณาจักรอังกฤษ

.

.

ท่ามกลางค่ำคืนที่ดึกสงัดวังเวง ไอหมอกจางๆปกคลุมเหนือพื้นหญ้า

ป้ายหลุมศพมากมายตั้งเรียงรายกันอยู่ทั่วสุสานไลเคนที่บัดนี้ไม่มีผู้ใดหลงเหลือ

เว้นแต่ซานดาร่า บุตรสาวคนสุดท้องของตระกูลแวมไพร์ผู้เป็นใหญ่ในอังกฤษ

คนของตระกูลที่ไม่น่ามาเหยียบสถานที่แห่งนี้ได้ แต่บางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างในใจกลับนำเธอมาถึงที่นี่ ..

 

ดาร่ายืนมองสงบนิ่งหน้าป้ายหลุมศพซึ่งถูกสลักไว้ว่า ‘ ทงยองเบ ที่รักและเพื่อนแท้ของพวกเรา ’

ดาร่าอ่านคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานเท่าไหร่

คนตัวเล็กยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าความรู้สึกแบบไหนกันที่ทำให้เธอต้องมาทำในสิ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิด

เคารพศพไลเคน .. ไม่ใช่วิสัยของแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์เลย แต่จะเป็นไปได้รึป่าวนะ?

ว่าถ้าเธอทำแบบนี้ จะสามารถลบล้างความเกลียดชัง อาฆาตแค้น และสายตารังเกียจของคนๆนั้นได้

ควอนจียง .. ดาร่ากำมือแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดเริ่มไหลซิบๆเมื่อนึกถึงชื่อนี้

ไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกที่โดนเกลียดขนาดนั้น ไม่เคยมีใครมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ..

 

‘ ความรักของข้ามันได้จบลงแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ข้าถอนริมฝีปากออกจากหน้าผากเจ้า ..

เพราะตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าคือศัตรูคนสำคัญของข้า หากผ่านคืนนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเราจะเจอกันที่ไหน ..

หรือเมื่อไหร่ ข้าจะแก้แค้นให้ยองเบ! ’

 

เมื่อประโยคนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้งหลังจากที่มันรบกวนเธอมาตลอดทั้งวัน

ดาร่าก็ใจหวิวขึ้นมาทันใดก่อนจะทรุดตัวลงนั่งลงบนพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะจากน้ำค้าง

คนตัวเล็กหลับตาแน่น ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ความสับสนวุ่นวายที่กำลังคลอบงำอยู่

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แวมไพร์คนนี้แคร์ความรู้สึกของคนอื่น ..

 

 

แต่จู่ๆความรู้สึกเย็นยะเยือกที่หลังต้นคอทำให้ดาร่าสะดุ้งเฮือก

มีใครบางคนกำลังตรงมาทางนี้แน่ๆ เธอรู้สึกได้ .. ไม่ต้องใช้ความคิด ดาร่าลุกขึ้นทันที

ไม่เป็นการดีแน่ถ้าเธอจะต้องเจอกับไลเคนทั้งที่อยู่ในอาณาเขตของพวกนั้น ‘ ข้านี่มันบ้าจริงๆ ’

แวมไพร์สาวพยายามกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้เกิดเสียงเล็ดลอดออกมากลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธออยู่แถวนี้

แต่ยังไม่ทันได้กลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กๆเพื่อบินกลับสู่คฤหาสน์ดังที่ตั้งใจ

ความเคลื่อนไหวที่เกิดทางด้านหลังทำให้ดาร่าหันขวับ หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้

ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตที่รู้สึกกลัวขนาดนี้ .. ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือไลเคนร่างมหึมา

ที่กำลังเงื้อกรงเล็บแหลมคมขึ้นสู่อากาศ พร้อมเขี้ยวยาวที่มีน้ำลายเยิ้มราวกับหมาป่าผู้หิวกระหาย

หากแต่แววตาที่ดาร่าจำได้ดีคู่นั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่เคยดูสดใสเจ้าเล่ห์ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

กลับเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองและเกลียดชังเพียงชั่วข้ามคืน ตาคู่นั้นจ้องตรงมาที่เธอ

ก่อนจะร้องคำรามเสียงดังชวนขนลุก และแล้วกรงเล็บที่แหวกผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว

ก็มุ่งตรงมาที่ดาร่าที่ยืนแข็งทื่อ ตะลึงอยู่ตรงนั้น

 

“ไม่นะ ม่าย ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!! ..”

‘ พรึ่บ บบบบ!! ’   

 

ผ้านวมลูกไม้ผืนใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมร่างบางที่ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมๆกัน

ใบหน้าเนียนใสเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเกาะพราว ดาร่าหอบหายใจถี่ มือเรียวจับหน้าอกของตัวเอง

หัวใจยังเต้นแรง ในหัวยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องใช้เวลาซักพักหลังจากสะดุ้งตื่นเพื่อคิดทบทวน

‘ มันไม่จริงใช่มั๊ย? นี่ข้าฝันไป ข้าแค่ฝันไป ..’

ดาร่ารู้สึกดีใจที่รู้ว่ามันเป็นแค่ความฝัน แต่ก็รู้สึกแปลกว่าทำไมเธอต้องเก็บไปคิดมากถึงขนาดนั้น

‘ เจ้าไม่ได้มีความหมายอะไรกับข้าซักหน่อย .. ไลเคน ’

 

เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ ดาร่าค่อยๆลุกจากเตียงใหญ่ เดินไปปิดม่านหน้าต่างที่แสงแดดอ่อนเริ่มสาดเข้ามา

ถึงแม้แวมไพร์สมัยนี้จะวิวัฒนาการจนสามารถดำรงชีพอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้

แต่ในสัญชาติญาณและธรรมชาติของพวกเค้าแล้ว การอยู่ในที่มืดทำให้รู้สึกดีกว่าเป็นไหนๆ

ดาร่าหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง เหม่อลอยเพราะนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน

คนที่เคยยืนอยู่ตรงนี้หนมามองเธอและพูดในสิ่งที่เชือดเฉือนจิตใจเธอที่สุด

คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินกลับไปนั่งที่เตียง

ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น .. ด้วยความที่ยังไม่มีอารมณ์จะพูดกับใคร

เธอจึงกระโดขึ้นเตียงคลุมโปงอย่างทุกครั้งเมื่อต้องการหนีจากบทสนทนา

“ดาร่า พี่เข้าไปนะ”

 

“ดาร่า ตื่นรึยัง? วันนี้วันสำคัญ เราต้องไปงานศพฮันบยอลกันนะ ..”

ปาร์คดองอุคหยุดพูด ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกสติของเค้ากลับมาอีกครั้ง

“แล้วอีกอย่าง วันนี้ท่านพ่อจะรับตำแหน่งประธานาธิบดี แล้วท่านก็ต้องการให้ทุกคนในตระกูล ..

โดยเฉพาะเจ้าลูกสาวที่ท่านพ่อรักมากที่สุดไปร่วมงานแถลงการณ์”

ผู้เป็นพี่พูดพลางนั่งลงข้างเตียงของน้องสาวหัวดื้อที่ยังคงนอนอยู่ท่าเดิม

บาดแผลต่างๆของเค้าเมื่อคืนวันเกิดเหตุได้รับการรักษาจนหายเป็นปลิดทิ้ง

ด้วยพลังการเยียวยาที่มีอานุภาพของเหล่าแวมไพร์ .. ยกเว้นเสียก็แต่บาดแผลทางใจ

ที่ต่อให้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถรักษาหัวใจที่แตกสลายของปาร์คดองอุคได้เลย

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว ลุกขึ้นมาเถอะดาร่า มีซักครั้งมั๊ยที่คนอย่างเจ้าจะทำตามคำสั่งของใครได้ ..

ข้าเหนื่อยใจจะพูดกับเจ้าจริงๆ นี่ถ้าฮับยอลอยู่ล่ะก็ ..”

แวมไพร์หนุ่มหยุดชะงักไปเมื่อเผลอพูดถึงคนที่เค้าก็รู้ว่าไม่มีทางกลับมา

ดาร่าที่ยอมลุกขึ้นมามองพี่ชายด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความโกรธที่สั่งสมไว้ลดน้อยลง ..

“ก็แล้วเคยมีใครบอกอะไรข้าบ้างมั๊ย?!!! ปล่อยข้าให้โง่อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าพวกท่านจะทำอะไรกัน ..

แผนการโจมตีนั่น แล้วเรื่องท่านพ่อจะเป็นประธานาธิบดี แล้วก็อะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ทั้งๆที่ทุกคนรู้ ..

นี่ไม่มีใครคิดว่าข้าเป็นคนในครอบครัวแล้วใช่มั๊ย? ถึงทำอะไรไม่สนใจข้าเลยซักนิด แล้วพี่ก็ช่วยรู้ไว้ด้วย ..

ว่าที่พี่ฮันบยอลต้องตายมันเป็นเพราะแผนการบ้าๆของพวกท่าน !!!!!!!!!!!!!!”

ดาร่าอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่เธอก็รู้ว่ามันทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ไม่น้อย

เพราะตอนนี้เธอกำลังน้อยใจอย่างที่สุดที่ทุกคนกลับปกปิดไม่ให้เธอรู้

ดองอุคนิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่ดาร่าโพล่งออกมา สีหน้าที่แข็งกร้าวเมื่อครู่กลับอ่อนลงอีกครั้งพร้อมกับน้ำเสียง

 

 

“ทุกคนหวังดีกับเจ้านะ ไม่ใช่เจ้าคนเดียวซักหน่อยที่ไม่รู้ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเจ้าไม่จำเป็น ..

ต้องไปเกี่ยวข้องกับการเมืองหรอก แล้วเรื่องนี้มันก็เป็นความลับพอสมควร งานครั้งนี้มันอันตรายมาก ..

ที่เจ้าได้เห็นนั่นแหล่ะ มีแต่ความสูญเสียและโหดร้าย ข้าก็เคยอธิบายให้เจ้าฟังไปแล้ว”

ดองอุคพยายามพูดให้ผู้เป็นน้องเข้าใจ ทั้งที่เค้าเองก็ยังปวดร้าวกับเหตุการณ์อันน่าเศร้าไม่หาย

แวมไพร์จำนวนไม่น้อยที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับศึกครั้งนี้ รวมทั้งปาร์คฮันบยอลภรรยาของเค้า

เหตุการณ์ที่ดองอุคเองก็คงไม่มีวันลืมได้ชั่วชีวิต เหตุการณ์ที่กลับกลายเป็นเกียรติประวัติ

ของเหล่าแวมไพร์โดยปริยายทั้งที่เผ่าพันธุ์นักล่าเองก็สร้างความเสียหายให้ผู้คนมากมาย ..

อำนาจที่ได้มาโด้มาโดยการปฏิวัติ !

ถึงแม้ดองอุคจะพูดขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนเอาแต่ใจอย่างดาร่าเข้าใจอะไรง่ายๆ

คนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีแล้วขบกรามแน่น ยิ่งดองอุคอ่อนให้มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เด็กคนนี้ได้ใจ

“ข้าโกรธพวกท่าน ข้าจะไปงานพี่ฮันบยอลเท่านั้น ส่วนงานท่านพ่อยังไงข้าก็ไม่ไป !!!!!”

 

“เฮ้อ ออ ซักวันเจ้าคงจะเข้าใจ เมื่อเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เจ้าจะรู้ว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าหวัง ..

เสมอไป เจ้าต้องเรียนรู้ความผิดหวังและสูญเสียบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะผิดหวังไปซะทุกเรื่อง

หรอกนะ เอาล่ะ แต่งตัวซะนะ ข้าไปล่ะ อีกอย่าง ขอบใจเจ้าจริงๆที่ช่วยข้าไว้วันนั้น”

ผู้เป็นพี่พูดยิ้มๆส่งท้ายก่อนปิดประตูลง คนตัวเล็กหันไปมองที่ประตูบานสูงนั้น

ก่อนก้มหน้างุดคิดถึงสิ่งที่ดองอุคพูดเมื่อครู่ .. ‘ ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ก็จริง แต่นั่นก็เป็นการทำร้ายชีวิต ..

ข้าเองรึป่าวนะ? ’   ความคิดที่ผุดขึ้นทำให้เธอต้องสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่มันไป

‘ ไม่ได้นะดาร่า! คิดอย่างนี้มันเห็นแก่ตัวชัดๆ นี่ข้าเป็นอะไรของข้าเนี่ย? ’

 

 

“ไม่มางั้นหรอ? มันรั้นจริงๆเจ้าลูกคนนี้ ข้ากะไว้แล้วว่าดาร่าคงโกรธข้าไม่หาย เฮ้อ ออ ไม่เป็นไร ..

พิธีกำลังจะเริ่ม วันนี้เป็นวันดีของข้าอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจเลย ว่าแต่พวกตระกูลเชวได้ทำ ..

ตามแผนรึยัง เรื่องปิดบัญชีน่ะ?”

ชายอาวุโสผู้นำตระกูลปาร์ค ผู้กำลังจะขึ้นเป็นประมุขของประเทศอย่างเต็มตัว

เอ่ยถามลูกชายถึงความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้ายของแผนการ .. การกำจัดพระราชาทิ้งอย่างเงียบๆ

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ยังไม่น่าไว้วางใจก็คือพวกไลเคนที่คงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ

แต่เหตุที่พวกนั้นยังไม่กล้าเคลื่อนไหวก็เพราะตัวประกันที่อยู่ในมือแวมไพร์

ทั้งนายกรัฐมนตรีและกษัตริย์เฮนรี่นั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญและเป็นพันธมิตรกับมนุษย์หมาป่าทั้งสิ้น

“ข้าได้รับรายงานมาว่าพวกนั้นทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว งานของเราก็จบลงด้วยดีไม่มีปัญหาครับ”

ดองอุคกล่าวรายงานผู้เป็นพ่ออย่างนอบน้อม

“เยี่ยม! หลังจากงานพิธีคืนนี้ ข้าฝากเจ้าเป็นธุระจัดการเตรียมพิธีศพอันสมเกียรติให้แก่เหล่าแวมไพร์ ..

ตระกูลเราด้วยนะ ทุกคนที่สละชีพเพื่อความรุ่งเรืองและนำเกียรติประวัติมาสู่ตระกูลของเรา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจข้านะดองอุค งานที่สุสานคืนนี้อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

ท่านหัวหน้าตระกูลกำชับก่อนจะออกจากห้องเตรียมตัวแถลงการณ์ผู้นำ ณ พระราชวัง

ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นที่ทำการของยุคสมัยที่ดำเนินการปกครองโดยแวมไพร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ..

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
ryouchi_chan
#1
WHAT???????
ryouchi_chan
#2
WHAT???????
JunielPanda
#3
plz engver T_T i can't understand
ammie16 #4
สนุกมากเลยค่ะ อย่าลืมมาอัพต่อนะคะ