Chapter 1
Bloody Romance
เสียงเปียโนอันไพเราะดังแว่วมาจากห้องนั่งเล่นของบุตรสาวคนรองตระกูลไลเคนเลื่องชื่อ
จียงผลักประตูเข้าไปอย่างไม่รอช้า ทำให้เสียงดนตรีหยุดชะงักลง
พร้อมกับคน 2 คนภายในห้องที่หันมามอง ..
“พี่จียงไปไหนมา? พี่ยองเบกลับมาตั้งนานแล้วนะ ข้าถามว่าพี่ไปไหนก็ได้แต่ตอบว่าไม่รู้ๆๆๆ ..”
เด็กสาวพูดกับพี่ชายพลางหันไปค้อนคนที่ถูกพาดพิงถึง
ยองเบทำหน้าเบ้ล้อเลียนท่าทางของแชริน ทำให้คนตัวเล็กหน้าตึง ยกแขนขึ้นมาทำท่าจะเอาเรื่องคนที่นั่งอยู่บนโซฟาทันที
“เอ้าๆๆ ทะเลาะกันอีกแล้ว พอเลยๆ”
จียงพูดอย่างเบื่อหน่ายในความเป็นเด็กไม่ยอมโตของคนทั้งคู่ พลางนั่งลงบนโซฟาข้างๆยองเบ
แชริมแลบลิ้นใส่เพื่อนของพี่ชายแล้วหันกลับไปเล่นเปียโนต่อ
“แล้วสรุปไปไหนมาวะ?” ยองเบถามขึ้นบ้าง ..
“โรงละคร”
จียงตอบสีหน้าเรียบเฉย ผิดกับอีกคนที่ได้ยินซึ่งกำลังอ้าปากค้าง
“เฮ้ย ยย !! เจ้าไปที่นั่นอีกแล้วหรอ!? รู้ก็รู้ว่านั่นน่ะมันแหล่งแวมไพร์ชั้นสูง อยากหาเรื่องใส่ตัวนักรึไง”
ยองเบพูดอย่างเป็นเดือดเป็นร้อน ไม่ต่างกับแชรินที่พยักหน้าเห็นด้วย
“ช่างเหอะน่า ..”
จียงตอบไม่ใส่ใจเพราะตอนนี้เค้ากำลังนึกถึงท่าทางเฮี้ยวๆของใครบางคน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ร่างสูงเอาแขนทั้งสองข้างกอดอก ทิ้งหัววางไว้กับพนักพิงโซฟาเงยหน้ามองเพดาน
ยองเบเกาหัวอย่างแปลกใจกับท่าทางของเพื่อนสนิท ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรของเจ้า? ทำหน้าอย่างกับคนมีความรัก??”
คำพูดของเพื่อนทำให้จียงชะงัก .. ‘ รักงั้นหรอ? ’
จียงทำหน้าครุ่นคิดซักพักก็ต้องยิ้มออกมากับตัวเองอีกครั้ง
“ก็คงใช่ ..” ไลเคนหนุ่มพูดออกมาเรียบๆ ทำให้คู่สนทนายิ่งตาโตตกใจไปมากกว่าเดิม
เช่นเดียวกันกับคนที่เลิกเล่นเปียโนไปโดยปริยาย
“เฮ้ย ยยย ใครวะ !!? ใครที่ไหน ??” ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มที่ยังไม่จางไปจากใบหน้าคมเข้ม
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
‘ ก๊อก กก ๆๆๆ ’
“คุณชายคะ”
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงของหญิงรับใช้คนหนึ่งดังขึ้นหน้าห้อง
“เข้ามา มีอะไร” สาวใช้ปิดประตูลงก่อนเข้าพูดรายงาน
“นายท่านเรียกให้ไปพบที่ห้องหนังสือค่ะ”
จียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนพยักพเยิดให้สาวรับใช้ออกไปจากห้อง
“เฮ้ออออ เรื่องที่ประชุมมาแหงเลย~” จียงถอนหายใจพูดบ่นก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวสิ! เรื่องเมื่อกี้เจ้ายังพูดไม่จบเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ..
ไปเจอแถวโรงละครระวังหลงรักแวมไพร์ไม่รู้ตัวนะเว่ย ยย !!!”
ยองเบแกล้งแซวไล่หลังคนที่เดินไปเกือบถึงประตูห้อง
“ไม่มีทาง!! อย่าลืมสิว่าวันนี้พระจันทร์เต็มดวง ..”
จียงยิ้มนิดๆอย่างมั่นใจตามเคย ก่อนปิดประตูลง
.
.
ภายในห้องนอนอันมืดสนิทไร้แสงไฟ หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดอยู่
เชื้อเชิญให้เจ้าของห้องในร่างสัตว์ปีกตัวเล็กผ่านเข้ามาตามแรงลมอ่อนๆที่พัดผ้าม่านให้พลิ้วไหว
ขณะใกล้จะถึงพื้น ร่างเล็กนั้นก็กลับกลายเป็นหญิงสาวผู้งดงามดังเดิม
เมื่อปลายเท้าเปลือยเปล่าของดาร่าเหยียบลงบนพื้นหินอ่อนอันเย็นเฉียบ
ร่างบางจึงหันกลับไปปิดหน้าต่างแล้วตรงกลับไปยังเตียงนอน
แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน ดวงไฟในตะเกียงก็ถูกจุดขึ้น ..
แสงไฟริบหรี่เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่รอการกลับมาของเธออยู่นานแล้ว
“พี่ดองอุค”
ดาร่าผงะในตอนแรก แต่สีหน้าตกใจนั้นก็ถูกปั้นให้กลับสู้ความนิ่งเฉยย่างรวดเร็ว
“ทำไมเจ้าทำแบบนี้!!” ผู้เป็นพี่พูดเสียงดุ
“ละครสนุกมากถ้าท่านจะถาม”
ดาร่าพูดกวนอย่างไม่แยแสความห่วงใยของคู่สนทนาเลยซักนิด แล้วเดินผ่านหน้าพี่ชายไปที่เตียง
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งท่านพ่อท่านแม่เชียวหรือ ทำไมดื้ออย่างนี้ ข้าล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าจริงๆ ..
รู้มั๊ยว่าตอนนี้ศัตรูของเราไม่ใช่แค่ไลเคน แม้แต่แวมไพร์ด้วยกันก็ยังประมาทไม่ได้ ..
ถ้าเจ้าชอบทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ วันหลังใครเค้าจะอยากให้เจ้าออกไปไหนกันล่ะ”
ปาร์คดองอุค ผู้เป็นพี่พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แต่แอบเผยถึงสถานการณ์ไม่สู้ดีนักของตระกูล
“แล้วข้าเป็นอะไรมั๊ยล่ะ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
ดาร่าพูดย้อนก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง 4 เสา
ดึงเอาผ้านวมสีชมพูหวานมาคลุมโปงไว้ ทำท่าเหมือนไม่อยากได้ยินเสียงบ่นของอีกคน ..
“ข้าเบื่อจะพูดกับเจ้าล่ะ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะปล่อยพฤติกรรมแบบนี้ของเจ้าไป ซานดาร่า!”
ดองอุคพูดจบก็เดินออกจากห้องไป โดยหารู้ไม่ว่า ..
คนที่แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นกำลังมีเรื่องวุ่นวายใจเต็มไปหมด
อันที่จริงดาร่าอยากระบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ใครซักคนฟัง
แต่ก็กลัวว่ามันจะยิ่งทำให้เธอโดนดุหนักเข้าไปอีก
คงไม่กล้าเล่าหรอกว่าวันนี้เธอไปเจอกับใครมา แล้วก็ยังถูกคนๆนั้น ...
คนตัวเล็กเอามือจับแก้มที่ร้อนผ่าว สัมผัสและเสียงกระซิบนั้นยังคงย้ำเตือนอยู่ในความคิด
ภาพที่เห็น รอยยิ้มเยาะของคนๆนั้นยังคงติดตา
ความรู้สึกหลากหลายที่ผสมปนเปกันไปหมด คับแน่นอยู่ในอก
โกรธ รังเกียจ เหยียดหยาม หรืออะไรบางอย่างที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในใจ ความรู้สึกที่เธออธิบายไม่ได้
ยังคงเป็นปริศนาให้ต้องครุ่นคิดว่าสิ่งที่ทำให้ร้อนวูบวาบขึ้นมาทั้งร่างนั้น มันคืออะไร ..
ดาร่ากัดริมฝีปากแน่น 2 มือกำขยุ้มผ้านวมที่คลุมตัวอยู่จนยับย่น บ่งบอกได้ถึงความตับแค้นใจบางอย่าง
‘ เจ้าบังอาจมากที่กล้าทำแบบนี้กับข้า ไลเคน! ’
.
.
“ว่าไงจียง? เรื่องที่พ่อขอให้เจ้าช่วย เจ้าจะยอมรึเปล่า?”
เสียงชายภูมิฐานผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าตระกูลควอน ตระกูลมนุษย์หมาป่าที่รุ่งเรืองที่สุดในอังกฤษดังขึ้น
ภายในห้องกว้างสีทะมึน รายล้อมด้วยหนังสือนับพันชนิดและเก้าอี้บุหนังสัตว์สีดำมันขลับเพื่อใช้สำหรับการจัดประชุม
“แล้วอะไรถึงทำให้พ่อคิดว่าข้าจะช่วย? ..”
ไลเคนหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามหากกลับย้อนผู้เป็นบิดาทีเล่นทีจริง
ร่างสูงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับคู่สนทนา 2 ขาวางพาดไขว้กันอยู่
ส่วนมือก็กำลังหยิบผลองุ่นพวงใหญ่จากถาดผลไม้หลากชนิดเข้าปากเป็นระยะ
หัวหน้าตระกูลมองภาพบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ แล้วส่ายหัวน้อยๆ
“เฮ้อ ออ~ จียง เจ้าจะจริงจังให้มากกว่านี้ได้มั๊ย? เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากทีเดียวนะ ..
แล้วพ่อก็เชื่อมั่นในฝีมือเจ้า จะให้ว่ากันตามตรง เจ้าคือมือ 1 ในตระกูลของเรา เสียแต่ว่าไม่รู้จักโตซักที”
ผู้เป็นบิดาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เค้ารู้ดีว่าขณะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังเข้าขั้นวิกฤต
ถึงขนาดที่รัฐบาลต้องขอร้องให้ตระกูลไลเคนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง
พวกแวมไพร์กำลังเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่าพวกนั้นจะลงมือกันเมื่อไหร่
สายลับของรัฐบาลรายงานมาว่าตระกูลใหญ่ของแวมไพร์กำลังคิดจะต่อต้าน ก่อการปฏิวัติอังกฤษ
นักฆ่ายามราตรีต้องการจะยึดอำนาจเพื่อครองความเป็นใหญ่ในราชอาณาจักรนี้
ถึงแม้ยังไม่เป็นที่ยืนยัน แต่เรื่องนี้รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดได้ทุกเมื่อ
และแน่นอนผู้ที่เหมาะสมที่จะต่อกรกับผีดูดเลือดที่สุดคงหนีไม่พ้น ไลเคน ..
เผ่าพันธุ์ที่เป็นมิตรกับรัฐบาลมาช้านาน .. ศัตรูตลอดกาลของแวมไพร์
“แค่ซึงรีคนเดียวไม่พอรึไง? งานนี้มันใหญ่ขนาดนั้นเชียว??”
จียงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ พาดพิงไปถึงน้องชายผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อ
ลูกชายคนที่ดูจะเอาการเอางานกับเค้าบ้าง
“เจ้าต้องหัดเรียนรู้งานบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องทำตามที่พ่อสั่ง!”
ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยเสียงอันดัง ไม่สบอารมณ์กับท่าทางกวนๆของลูกชาย
เวลาจริงจังทีไร ไอ้ลูกคนนี้มักจะชักใบให้เรือเสียทุกที ..
เมื่อได้ยินดังนั้น จียงเองก็ไม่ได้แย้งอะไร แต่กลับนั่งสงบ
นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นหันมองนอกหน้าต่างแทน แล้วหยิบองุ่นอีกผลส่งเข้าปาก
“เจ้าไม่ขัดอะไรก็ดี อีก 2 วัน ในงานเฉลิมฉลองพิธีสมรสของบุตรสาวท่านนายก ..
ข้าจะต้องเห็นเจ้าปะปนอยู่กับแขกกิตติมศักดิ์ในงาน พร้อมจะรับมือกับแวมไพร์ได้ทุกเมื่อ เข้าใจมั๊ย !?”
ผู้เป็นพ่อกล่าวย้ำเสียงดังกึกก้อง จนทำให้บ่าวที่ยืนรับใช้ในห้องถึงกับสะดุ้ง
แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ไลเคนขี้เล่นสลดลงแต่อย่างใด
“ก็ได้ๆ ๆๆ ครับผม ท่านหัวหน้าควอน..”
จียงตอบรับ ทำท่าตะเบ๊ะอย่างกวนๆให้พ่อที่เดินส่ายหัวออกจากห้องไปด้วยความเหนื่อยใจ
หลังจากเหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้อง ชายหนุ่มก็พึมพำอะไรบางอย่างพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
เมื่อคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ..
“สนุกแน่ งานนี้ ..”
.
.
งานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีของอังกฤษกำลังจะถูกจัดขึ้นในเร็ววัน
ไม่แปลกที่วันนี้ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดังอย่างร้านวิเวียนเวสต์วูดที่สืบทอดกิจการมาแต่เก่าก่อน
จึงมีผู้มาใช้บริการค่อนข้างหนาตากว่าปกติ ..
ภายในร้านที่กว้างใหญ่ โอ่โถง อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของกาแฟชั้นยอดที่ถูกนำมาเสริฟแก่ลูกค้า
หุ่นโชว์และราวแขวนสำหรับเสื้อผ้าได้รับการจัดวางอย่างเป็นระเบียบจนแน่นร้าน
ชุดหลากหลายสีสัน สำหรับแขกพิเศษที่ออกแบบสั่งตัดโดยเฉพาะ
ถูกแขวนไว้บริเวณใกล้ๆกับห้องลองเสื้อผ้าที่วันนี้มีผู้จับจองกันจนแน่นขนัด
หนึ่งในนั้นคือ ‘ควอนแชริน’ บุตรสาวคนกลางของตระกูลไลเคนชื่อดัง
ที่กำลังต้องการชุดเพื่อไปงานเลี้ยงสำคัญดังเช่นคนอื่นๆ
“พี่จียง ทำไมไม่ช่วยข้าเลือกเลย? ท่านเอาแต่มองอะไรไม่รู้อยู่ได้ ..
ช่วยข้าดูหน่อยสิว่าข้าจะเอาแบบนี้ หรือแบบนี้ดี?..”
แชรินยื่นกระดาษสเก็ตร่างแบบชุดสำหรับงานกลางคืนสุดหรูมาให้พี่ชายดู 2-3 แผ่น
หลังจาดคัดออกมาจากแบบชุดหลายต่อหลายแบบที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะมานานพอสมควร
“แล้วเจ้าชอบชุดไหนล่ะ?”
“ก็ถ้าข้าเลือกได้ จะขอให้ท่านช่วยทำไมล่ะ”
แชรินพูด ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย ก่อนสะบัดหน้าไปอีกทาง
เป็นอันรู้กันว่าตอนนี้บุตรสาวคนกลางของตระกูลควอนกำลังงอนแล้ว ..
“อ่ะๆ ไหนเอามาดูซิ”
จียงหยิบแบบเสื้อจากมือน้องสาวมาพิจารณาเพื่อเป็นการเอาใจ
เด็กสาวเห็นดังนั้นสีหน้าก็กลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็ว
“ข้าชอบแบบของชุดนี้ แต่ชอบโทนสีของชุดนี้มากกว่า”
แชรินชี้ไปที่แผ่นกระดาษ บอกความคิดของตน
“ก็ไม่ยากนี่ .. ขอโทษนะครับ ข้าต้องการชุดแบบนี้แต่ช่วยแก้ให้เป็นโทนสีตามนี้ทีนะครับ”
จียงพูดกับพนักงานที่ยืนรอบริการอยู่ข้างๆซึ่งแชรินก็พยักพเยิดหน้าเห็นด้วย
“ได้ค่ะ งั้นเชิญคุณหนูควอนวัดตัวทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานสาวผายมือเชื้อเชิญให้แชรินเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้ ก่อนจะเดินนำเข้าประตูไป
“จียง พี่นี่เจ๋งที่สุดเลย! เดี๋ยวชั้นมานะ”
เด็กสาวส่งยิ้มให้พี่ชายแล้วเดินตามพนักงานสาวหายเข้าไปหลังร้าน
.
.
เมื่ออยู่เพียงคนเดียว ไลเคนหนุ่มจึงถือโอกาสลุกจากเก้าอี้เดินสำรวจไปรอบๆ
‘ กริ๊ง งงง ๆๆๆ ’
เสียงกระดิ่งอันเล็กที่ติดอยู่บริเวณหน้าร้านดังขึ้น ทำให้จียงต้องเบนสายตาไปมองคนที่กำลังเดินเข้ามา
“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้แหล่ะ วันนี้คนแน่นร้านเชียวเข้ามาจะเกะกะเปล่าๆ”
เสียงแหลมเล็กของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาสร้างความแปลกใจระคนตื่นเต้นให้จียงได้เป็นอย่างดี
สาวน้อยในคืนนั้นที่โรงละคร .. ใบหน้าขาวนวลสวยคมอย่างนี้แหล่ะ เค้าจำได้ดี
และอีกครั้งที่ร่างนี้สะกดสายตาของไลเคนหนุ่มให้มองตามอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้
คนตัวเล็กในชุดสีฟ้าใสยิ้มนิดๆให้พนักงานที่มารอรับเสื้อคลุม
ก่อนจะค่อยๆถอดโค้ดตัวยาวสีขาวเข้ารูปส่งให้ ..
เรือนร่างผอมบางและผิวขาวใสที่เคยต้องแสงจันทร์ในคืนนั้น กำลังตัดกับแสงไฟนีออน
ยิ่งขับให้ผิวขาวสะเอียดเนียนขึ้นเยี่ยงกลีบกุหลาบชวนให้สัมผัสอีกเป็นเท่าตัว
ระหว่างที่กำลังเผลอมองภาพตรงหน้าจนเพลิน อะไรบางอย่างก็ทำให้ชายหนุ่มต้องหลุดออกจากภวังค์ ..
“พี่ดองอุค พี่ฮันบยอล เดินเร็วๆสิ มัวแต่จู๋จี๋กันอยู่ได้!”
ร่างบางที่จียงจับจ้องอยู่ หันหลังกลับไปควงแขนผู้ที่กำลังหยอกเอินกับภรรยาสาวสวยหน้าประตูร้าน
“โอเคๆ ใจเย็นๆก็ได้ดาร่า เสื้อผ้ามันไม่หนีเจ้าไปไหนหรอก ..
แต่ว่าตอนนี้ข้าอยากช่วยฮันบยอลเปลี่ยนเสื้อผ้ามากกว่า”
ดองอุคพูดติดตลก พลางส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ฮันบยอลที่กำลังอายหน้าแดง
คนตัวเล็กเห็นดังนั้นจึงได้แต่ส่ายหน้า รีบก้าวฉับๆตามพนักเข้าไปในร้าน
โดยไม่ได้สังเกตอีกสายตาที่มองตามเธอไปตลอดเวลา ..
‘ งั้นแสดงว่าเจ้าก็เป็น .. ?? ’
.
.
“ชุดนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ดาร่าโผล่หน้าออกมาจากม่านกำมะหยี่สีแดงห้อยระย้าจากรางสีทองซึ่งใช้เป็นห้องลองชุดสำหรับลูกค้า
แล้วเอ่ยถามพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ..
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่การชอปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นกิจกรรมที่แวมไพร์น้อยตัวนี้โปรดปราน
ไม่น้อยไปกว่าการชมละครเวที
ดาร่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเลือกชุดไปงานเลี้ยงแต่อย่างใด
แต่การเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ร้านนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธออยู่แล้ว ..
บุตรสาวคนเล็กของตระกูลแวมไพร์ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวในอังกฤษ
ที่ยังไม่รู้ว่าในอีก 2 วันจะมีงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ .. วันที่ครอบครัวเธอรอมานาน
โอกาสอันดีในการก่อการปฏิวัติล้มล้าง การสังหารนายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ
คนในตระกูลแวมไพร์ที่เป็นสหายกับตระกูลปาร์คล้วนแล้วแต่กำลังเตรียมการสำหรับงานใหญ่
แต่บุตรสาวคนเล็กคนนี้ กลับเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย
เพราะความปลอดภัยของลูกคนนี้ เป็นสิ่งแรกที่หัวหน้าตระกูลปาร์คคำนึงถึง ..
“อืม มม น่ารักดี”
พี่ชายที่นั่งรออยู่ยิ้มกับภาพตรงหน้า น้องสาวของเค้าจะน่ารักที่สุดก็ตอนอารมณ์ดีนี่แหล่ะ
ดาร่ายิ้มให้แล้วก้มลงมอง ยืนหมุนสำรวจตัวเอง
เพราะสิ่งที่ลำบากที่สุดสำหรับการเป็นแวมไพร์คือการไม่มีเงาในกระจก
จึงเป็นเรื่องยากสำหรับหญิงสาวที่จะได้สำรวจดูความงดงามของตนเอง
และเป็นสิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดเช่นกัน เพราะมันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่บนโลก
แน่นอนว่าเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายเช่นดาร่า มักจะเลือกตรงไปยังมุมที่ปราศจากสิ่งสะท้อนเสมอ
“เจ้าสวยที่สุดในร้านแล้วน่า หมุนอยู่นั่นแหล่ะ”
ดองอุคพูดกับน้องสาวพร้อมหัวเราะเบาๆ
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่พี่ฮันบยอลที่สวยที่สุดในสายตาพี่น่ะ..”
คนตัวเล็กแกล้งพูดแซวผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะแลบลิ้นทะเล้นใส่พี่สาวคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ
แล้วหยิบชุดที่เลือกไว้อีกชุดเข้าห้องลองไป ทิ้งให้พี่ชายส่ายหน้ายิ้มๆกับตัวเอง
“เอ่อ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ ชุดของคุณชายปาร์คกับคุณฮันบยอลพร้อมแล้วค่ะ”
ดองอุคพยักหน้ารับ ก่อนโอบเอวภรรยาสาวเดินตามพนักงานไปยังอีกห้องหนึ่ง
.
.
“อ้าว? พี่ชายข้าล่ะ”
“ท่านฝากบอกว่าเดี่ยวมาค่ะ ให้คุณหนูลองชุดไปก่อน”
ดาร่าทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแล้วหันไปสำรวจตัวเองอย่างเดิม
ซักพักก็รู้สึกถึงฝีเท้าที่เดินเช้ามาหยุดอยู่ด้านหลัง
“พี่ดองอุค ชุดนี้เป็นไง ข้าดูดีรึเปล่า?”
คนตัวเล็กถามโดยไม่ได้หันไปมองคนที่ยืนเยื้องอยู่เบิ้องหลัง
“อืม มม น่ารัก”
เสียงทุ้มต่ำที่ฟังยังไงก็ไม่ใช่เสียงพี่ชายแน่ๆ ตอบออกมาพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ
ดาร่าหันขวับโดยอัตโนมัติ คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ..
“เจ้า!!!!”
Comments