Chapter 2
Bloody Romance
“เจ้า!!!!”
ดวงตาสวยเบิกโพลงทันที เมื่อคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีกกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
ชายร่างสูงใหญ่ในคืนพระจันทร์เต็มดวง กำลังยืนเอามือกอดอกยิ้มนิดๆ
แววตาคมกริบเยี่ยงหมาป่าจดจ้องร่างบอบบางของแวมไพร์สาวในชุดทันสมัยหรูหราแต่ดูน่ารักอย่างไม่วางตา ..
“เนื้อผ้าสีครีมอ่อน บางเบาดูเข้ากับผิวขาวนวลของเจ้าดี เสื้อคอลึกโชว์เนื้อหนังแบบนี้ข้าชอบ ..
ส่วนเข็มขัดสีทองเส้นนี้ยิ่งเน้นเอวบางคอดกิ่วของเจ้าให้ดูน่าโอบกระชับยิ่งขึ้น เห็นแล้วมันน่า ..”
จียงวิจารณ์ไปก็เดินสำรวจมองรอบๆตัวของดาร่าอย่างจาบจ้วง จ้องลึกไปแทบทุกสัดส่วน
“หยาบคาย!!!!” คนตัวเล็กใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ดาร่ากำลังโกรธจัดที่ถูกคนที่ตนรังเกียจมองด้วยสายตาโลมเลียแถมยังพูดวิจารณ์ด้วยคำพูดล่อแหลมอีกต่างหาก
เจ้าของใบหน้าบูดบึ้งสะบัดหน้าหนีก่อนเดินกระแทกเท้าจะออกจากห้องลองเสื้อทันที
“เดี๋ยวสิ ..” จียงรีบคว้าข้อมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสะบัดทิ้งทันควัน
“ปล่อยนะ!! ถือดียังไงมาแตะต้องตัวข้า!”
คนตัวเล็กพูดเสียงแข็งมองคนตรงหน้าตาถลึง พยายามจะเดินหนีไปอีกทาง
ดาร่าคิดตัดปัญหาในการต้องคุยกับคนคนนี้โดยการเดินหนีเข้าไปหลังม่านห้องลองเสื้ออีกฝั่ง
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะคนคนนี้เป็นไลเคน ศัตรูตลอดกาลของเธอ
การจะต้องรู้จักมักจี่กันคงไม่เป็นการดี แต่ที่ไม่เข้าใจตัวเองก็คือ ..
ทำไมจะต้องหลบคนคนนี้ด้วย? .. ทำไมต้องรู้สึกอยากปิดบังว่าตัวเองเป็นแวมไพร์?
ทั้งๆที่แค่บอกไป ชายคนนี้คงจะตีตัวออกห่าง ไม่มายุ่งกับเธออย่างที่ต้องการอีก ไม่ใช่หรอ? ..
ในระหว่างที่กำลังหัวเสียคิดอะไรต่างๆนานา โดยไม่ทันตั้งตัวดาร่าก็ต้องสะดุ้ง
เมื่อร่างสูงแหวกม่านตามเข้ามาอย่างหน้าตาเฉย
แวมไพร์สาวตกใจทำอะไรไม่ถูก ตวาดสวนออกไปโดยอัตโนมัติ
“เจ้า!!! เข้ามาทำไม ออกไปนะ ..” ดาร่าถอยหลังชิดผนัง
ทั้งที่คิดจะหนีหน้าแต่กลับกลายเป็นว่า เธอต้องมาอยู่ในที่แคบๆกับไลเคนเพียง 2 คน
“ก็เจ้าเดินหนีข้าทำไม? เรายังคุยกันไม่จบเลย” คนตัวใหญ่หาข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นมาพูด
“ใครอยากคุยกับเจ้ากัน จะออกไม่ออก ถ้าไม่ ข้าจะตะโกนเรียกการ์ดเดี๋ยวนี้แหล่ะ ..
ถ้าเจ้าไม่กลัวถูกหาว่าเป็นพวกโรคจิตก็ตามใจ”
ดาร่าขู่ทำสีหน้าจริงจัง แต่จียงกลับดูไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนเลยกับสิ่งที่ได้ยิน
“ก็ลองเรียกสิ ข้าก็จะป่าวประกาศให้เค้ารู้กันไปเลย ว่าข้ากับเจ้าจูบกันแล้ว”
จียงพูดแกล้งคนตรงหน้า รู้สึกดีอย่างประหลาดเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่าย
“เจ้า!!!!”
‘เพี๊ยะ ะะะะ !!!!!’
เสียงฝ่ามือของคนที่ทั้งโกรธทั้งอายฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อเข้มอย่างแรง
เล็บอันแหลมคมที่ยื่นยาวออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่อาจห้ามได้ข่วนเนื้อแก้ม
จนเกิดรอยแดงเป็นทางยาว ตามด้วยเลือดที่ไหลออกมาซิบๆตามรอยแผล
“เรื่องโกหกน่ะสิ ข้าไม่เคยเสียปากให้คนอย่างเจ้า!!”
ดาร่าตวาดเสียงดัง ไม่ได้สนใจน้ำสีแดงสดจากรอยแผลที่เธอเป็นผู้กระทำ
สายตาขี้เล่นของไลเคนหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จียงเอานิ้วแตะเลือดข้นที่แก้มแล้วมองนิดๆ ก่อนจะเหลือบขึ้นมองร่างบางที่ยังทำตาขวาง
“ก็จริง ตอนนั้นเจ้าก็แค่เสียแก้มนุ่มๆไป งั้นถ้าจะไม่โกหก ข้าก็คงต้อง ..”
ไลเคนหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับก้าวเข้าหาคนที่ยืนตัวติดผนัง หายใจถี่ด้วยความโกรธ
“ถอยไปนะ ไอ้คนชั้นต่ำ!!!”
เมื่อรู้ว่าจียงคิดจะทำอะไร มือเล็กทั้ง 2 พยายามยันตัวคนที่เข้าประชิดจนสุดแรง
คนตัวใหญ่ไม่ได้ฟังอะไรทั้งสิ้นจับมือทั้ง 2 ข้างไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่เพียงข้างเดียว
ก่อนจะรวบแขนที่เกะกะทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือหัว
แล้วริมฝีปากยิ้มยั่วก็ค่อยๆเลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของแวมไพร์ตัวน้อยขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ..
“ไม่เอา ยะ อย่านะ”
ดาร่าหลับตาปี๋ พุดเสียงสั่น จากเด็กสาวอวดดีไม่กลัวใคร
แต่ในตอนนี้ บรรยากาศแบบนี้ ทำให้เธอเริ่มกลัวขึ้นมาดื้อๆ
ก็นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต
ลมหายใจอุ่นๆของไลเคนผู้นี้กำลังรดปะทะใบหน้าของเธออยู่
ถ้าขยับอีกเพียงนิดเดียว กลีบปากนุ่มสีสดคงได้ถูกผู้อื่นสัมผัสเป็นครั้งแรกแน่ๆ
“ตัวสั่นเป็นลูกนกเชียว กลัวมากเลยหรอ?”
แทนที่จะเข้าครอบครองริมฝีปากหอมหวานตรงหน้า
จียงกลับเลื่อนหน้ามากระซิบเบาๆที่ใบหูแดงจัดแทน
ดาร่าเปิดเปลือกตากว้างขึ้นมองรอยยิ้มทะเล้นของไลเคนหนุ่มที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าเก่า
คนตัวเล็กกัดปากแน่นด้วยความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทำเหมือนเธอเป็นคนที่จะมาล้อเล่นด้วยได้ง่ายๆ
จึงผลักคนที่ยืนชิดตัวออกไปทันที .. ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครกล้าทำกับเธออย่างนี้เลย
“เจ้าคนถ่อย ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!”
ดาร่าสบถก่อนจะออกปากไล่จียงเป็นเชิงสั่งอีกครั้ง
“ข้ายังไม่อยากออก ทำไมต้องทำตามคำพูดเจ้า หรือว่าที่ทำเป็นรังเกียจ เพราะเจ้ากลัวที่ข้าไม่ใช่มนุษย์”
ประโยคนี้ทำให้ดาร่านิ่งไป ในหัวคิดไม่ออกแล้วว่าจะโต้ตอบสิ่งที่จียงพูดยังไงดี
มีหรอที่แวมไพร์อย่างข้าจะกลัวสายพันธุ์ชั้นต่ำอย่างเจ้า แต่.. ข้าจะให้เจ้ารู้ไม่ได้เด็ดขาด
ดาร่าแกล้งทำเป็นหลบสายตาที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่าม เยี่ยงแววตาสัตว์ป่าของร่างสูงที่มองมา
อาการนั้นยิ่งทำให้จียงได้ใจเข้าไปใหญ่ พยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง
แต่ในที่สุดร่างบางที่ทนอยู่ในสภาพนั้นไม่ไหวแล้วจึงโพล่งออกมา ..
“ข้าไม่มีทางกลัวเจ้าหรอก เจ้ามันก็แค่พวกกวนประสาท!!”
ดาร่าพูดตาขวาง จ้องเข้าไปในตาคู่ตรงหน้าเขม็ง
“คำก็เจ้า 2 คำก็เจ้า ข้าชื่อจียง เรียกข้าว่าเจ้าๆแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
“เรื่องของข้า!!! เจ้าจะชื่ออะไรทำไมข้าต้องสน ข้าพอใจจะเรียก ข้าก็จะเรียก”
“เฮ้อ อออ มีใครเคยบอกมั๊ยว่าเจ้าน่ะดื้อมาก ตามใจละกันอยากเรียกยังไงก็เรียก ..
แต่จะว่าไปข้ากับเจ้าก็ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย ข้าชื่อควอนจียง แล้วชื่อของเจ้าคือ? ..”
จียงทำเป็นไม่สนใจท่าทางเฮี้ยวๆที่ต่อต้านเค้า ก่อนจะแนะนำตัวเอง
พร้อมถามคำถามที่อยากจะรู้เป็นที่สุด แต่ดาร่ากลับนิ่งอึ้งในสิ่งที่ได้ยินไปชั่วครู่ ..
‘ จียง ควอนจียง ควอน ..’ ตระกูลไลเคนชื่อดัง!!! เจ้าเป็นคนตระกูลควอนหรอเนี่ย!!??
ไม่อยากจะเชื่อ! ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่มนุษย์หมาป่าธรรมดาๆ
ไม่คิดเลยว่าคนที่ลักลอบปีนเข้าไปในโรงละครเพื่อดูการแสดงฟรีๆ
จะเป็นคนของตระกูลผู้ดีที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยไม่ต่างจากตระกูลของเธอ
“ว่ายังไงล่ะ? อย่าบอกนะว่าเจ้าจะเสียมารยาทกับคนที่อยากจะรู้จักเจ้าอีกครั้ง”
จียงหมายถึงที่ดาร่าไม่ยอมบอกชื่อกลับมาซักที
ร่างบางนิ่งคิด ไม่มีทางที่จะบอกหรอก ถ้าบอกไป แน่นอนว่าจียงต้องรู้ว่าเธอเป็นแวมไพร์
ตระกูลปาร์ค ไม่มีใครในอังกฤษที่จะไม่รู้จัก ..
“ข้าไม่อยากรู้จักเจ้านี่ ทำไมต้องบอกด้วย”
คำพูดของดาร่าทำให้จียงต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อเห็นว่าคงจะไม่สำเร็จ
ร่างสูงจึงเหลือบมองนาฬิกาที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพูดขึ้น
“ตามใจ ไม่ต้องบอกข้าก็ได้ ตอนนี้ข้าคงต้องไปแล้ว ..
แต่ถ้าระดับเจ้าอย่างนี้ หวังว่าเราคงได้เจอกันในงานฉลองนะ .. ดาร่า”
จียงพูดเน้นเสียงในคำสุดท้ายแล้วยักคิ้วให้แวมไพร์สาวที่ดวงตาเบิกกว้าง
ก่อนจะหันเดินออกจากม่านไป ทิ้งไว้เพียงคนที่กำลังยืนอึ้งผสมปนเปไปกับความสงสัย
‘ เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไงกัน? แล้วงานฉลองที่ว่าคืองานอะไร?? ’
.
.
“คุณหนู ใจเย็นๆสิครับ คุณท่านกำลังประชุมอยู่เข้าไปไม่ได้นะครับ”
เสียงร้องห้ามอ้อนวอนคนที่กำลังก้าวฉับๆตรงไปยังห้องประชุมใหญ่ของคฤหาสน์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ดาร่ากำลังโกรธมากที่พ่อไม่บอกอะไรเลยเกี่ยวกับงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ
ถ้าไม่ไปอาละวาดใส่คนในบ้านจนคฤหาสน์แทบถล่ม ป่านนี้เธอก็คงจะไม่รู้อะไรอยู่เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ
“ไม่!!!! หลบไป ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!”
คุณหนูที่หัวดื้อที่สุดในคฤหาสน์พูดเสียงกร้าว เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ยังไม่คิดจะหลีกทาง
คนเอาแต่ใจอย่างดาร่าจึงอัดคลื่นพลังบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็น
ใส่คนรับใช้ที่ยืนขวางจนกระเด็นไปกองอยู่กับพื้น
ก่อนผลักประตูบานใหญ่เข้าไปโดยไม่สนใจคนที่นอนโอดโอยเพราะฝีมือของเธอเอง
“มีอะไร ดาร่า? ไม่เห็นรึไงว่าพ่อประชุมอยู่!” เสียงดุๆของผู้เป็นประธานในที่ประชุมดังขึ้น
พร้อมกับสายตาทุกคู่ในห้องนั้นหันมาสนใจเด็กสาวเป็นจุดๆเดียว
“ทำไมท่านพ่อต้องปิดเรื่องงานฉลอง!??”
ดาร่าถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หากสีหน้าของผู้เป็นพ่อแกลับแสดงถึงความเคยชิน
เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เค้าคงต้องปิดบังอะไรลูกคนนี้ไม่ได้
ยังไงดาร่าก็คงรู้จนได้ แล้วก็ต้องลงเอยด้วยการโวยวายเช่นนี้ ..
“ก็เพราะพ่อไม่อนุญาตให้เจ้าไปไง .. ออกไปได้แล้ว พ่อจะประชุมต่อ”
ประธานในที่ประชุมพูดเสียงเรียบ โดยไม่ได้หันไปมองหน้าบุตรสาว
“ท่านพ่อ!! ถึงยังไงข้าก็จะไป ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอก”
ร่างบางกระแทกเสียง ก่อนจะปิดประตูออกจากห้องไปด้วยความน้อยใจที่พ่อไม่ใยดี
แล้วการประชุมครั้งสำคัญของเผ่าพันธุ์นักล่าก็กลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
ทุกคนกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ต้องเตรียมการ
โดยไม่มีใครทันสังเกตว่าท่ามกลางความตึงเครียดของที่ประชุม
มีคนๆหนึ่งยังคงให้ความสนใจกับร่างที่เพิ่งเดินออกไป สายตาคมยังคงจดจ้องบานประตู่ที่พึ่งปิดลง ..
“ว่าไง ตัวแทนจากตระกูลเชว? เจ้าเห็นด้วยกับคนอื่นๆหรือไม่?”
เสียงของท่านประธานปลุก ‘เชวซึงฮยอน’ ผู้สืบทอดสายเลือดแวมไพร์ตระกูลดัง
ตระกูลซึ่งยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองในอังกฤษให้ตื่นจากภวังค์
ทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของสายตาเจ้าเล่ห์ต้องกลับสู่บรรยากาศของการประชุมอีกครั้งหนึ่ง
.
.
ณ คฤหาสน์ใหญ่ไกลห่างออกไปจากตัวเมืองลอนดอน ที่ซึ่งขณะนี้หลายต่อหลายคน ..
กำลังว้าวุ่นอยู่กับการเตรียมการเพื่อเป็นแขกในงานสำคัญที่ถูกจัดขึ้นในค่ำคืนนี้อยู่ภายในห้องของตน
แต่ที่กลางห้องโถงใหญ่ประจำตระกูลควอน กลับมีชายผู้หนึ่งนั่งรอคอยเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว
จียงนั่งอยู่บนโซฟาหลุยส์ตัวยาว 2 แขนกางออกพาดพนักพิง
เงยหน้าหลับตาครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างเพื่อฆ่าเวลา
เรื่องนี้มันติดอยู่ในหัวจียงมา 2 วันแล้ว เรื่องของคนที่ยู่ในความทรงจำของเค้าตั้งแต่แรกเจอ
ร่างบอบบางที่ดูเย่อหยิ่ง อวดดี ทำท่ารังเกียจที่จะต้องเข้าใกล้เค้า
เสียงเจื้อยแจ้วที่ถากถางเค้าในทุกคำพูด ใบหน้าเง้างอกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดดูไม่น่ารักเอาซะเลย
แต่ถึงกระนั้นมันกลับยิ่งทำให้เค้าสนใจในตัวคนคนนี้ เพราะอะไรกันนะ? ..
แต่ยังมีบางอย่างที่ยังคงเป็นคำถามติดค้างในใจของเค้า
วันนั้นคนที่มากับเจ้าในร้านเสื้อคือปาร์คดองอุค .. ข้าจำไม่ผิดแน่!
จียงจำแวมไพร์คนนี้ได้ดี เพราะครั้งหนึ่งเค้าและดองอุคเคยเกือบจะต้องปะทะกัน
ตอนที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงคืนวันฮาโลวีนเมื่อ 5 ปีก่อน .. ค่ำคืนหนึ่งที่เค้าไม่อาจลืมได้
เจ้ารู้จักแวมไพร์หัวสูงพรรค์นั้นได้ยังไงกัน? สนิทสนมกันขนาดนั้นเชียวหรือ??
เจ้าเรียกเค้าว่าพี่ดองอุค แล้วเค้าก็เรียกชื่อเจ้าให้ข้าได้ยินเป็นครั้งแรก .. ดาร่า .. หรือว่าเจ้า? ..
เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เค้าไม่อยากให้เป็น จียงก็ต้องชะงัก
ไลเคนหนุ่มลืมตาโพลงขึ้นมองเพดานประดับโคมไฟคริสตัลแวววาวที่ตัดแสงเกิดเป็นสีรุ้งบนกำแพงขาว
“ไม่หรอกน่า ไม่มีทาง” จียงส่ายหัวเหมือนเป็นการปฏิเสธความคิดของตน
เจ้าคงไม่ใช่แวมไพร์หรอก ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง .. เจ้าคงไม่ปล่อยให้บทสนทนาของเรายาวนานขนาดนี้ ใช่มั๊ย??
คมเขียวและกรงเล็บของเจ้าคงจะฝากรอยแผลให้กับข้าไปนานแล้ว เพราะเจ้าก็รู้ๆอยู่ว่าข้าเป็นไลเคน
“จียง!!”
เสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นของใครบางคนดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด
จียงเหลือบมองเพื่อนก่อนจะหลับตาลงเช่นเดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คิดอะไรอยู่คนเดียว? แล้วคนอื่นล่ะ ยังไม่มีใครพร้อมเลยหรอเนี่ย? .. ใช้ไม่ได้เลย ..
ปล่อยให้เจ้านายใหญ่มานั่งคอยอย่างงี้ มันน่าจับมาเป็นเป้ากระสุนเงินซะจริงๆ”
ยองเบทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกอดคอตบบ่าเพื่อนรัก พร้อมพูดทะเล้นแซวคนที่โดนพ่อบังคับ
ให้เป็นหัวหน้าใหญ่รับผิดชอบงานนี้ ทำเอาจียงหันมาทำหน้าเซ็งชีวิตใส่
“เจ้าอยากโดนคนแรกมั๊ยล่ะ? มาถึงก็พูดแต่เรื่องดีๆ”
“ใจเย็นสิวะ โห่! ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพอใจที่คราวนี้เราจะได้เล่นสนุกกับพวกแวมไพร์ชั้นสูง
แล้วทำไมทำหน้าแบบนี้อ่ะ?”
“ไม่รู้สิ กำลังอารมณ์ไม่ดี..” จียงพูดปัดๆเล่นเอายองเบขมวดคิ้ว
“ทำไม เจ้ามีเรื่องกับซึงรีอีกแล้วหรอ?? เฮ้อ ออ~! จริงๆแล้วเค้าก็น่าจะมาช่วยเจ้าอีกแรงนะ ..
งานใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าปล่อยให้พี่ชายไม่เอาไหนทำคนเดียวเลย แล้วถ้าวันนี้พวกแวมไพร์ไม่ลงมือ ..
เราก็ยิ่งหมดสนุกกันพอดี” ยองเบพูดวิเคราะห์แถมด้วยการแอบกัดเพื่อนสนิท
อันที่จริงสิ่งที่จียงกังวลอยู่ไม่ใช่เรื่องนี้ซักนิดเดียว
การทะเลาะกันกับน้องชายเป็นเรื่องที่เค้าเจอมาจนชินซะแล้ว
เค้ากำลังครุ่นคิดเรื่องดาร่าอยู่ต่างหาก ..
“เอาเหอะ เจ้าเลิกพูดมากแล้วไปตามแชรินได้แล้ว ข้าขี้เกียจจะรอ ไม่รู้จะต้องสวยไปถึงไหน”
จียงตัดบทไม่อยากพูดเรื่องยุ่งๆให้มันปวดหัวอีกเรื่อง
“ครับผม ท่านควอนลีดเดอร์! หน้าที่กวนบาทาคนตระกูลควอน โดยเฉพาะท่านแชรินนี่ข้าถนัดนัก 555+”
คนสนิทของตระกูลหัวเราะร่าก่อนจะลุกออกจากห้องไป
.
.
ณ วันงานเฉลิมฉลอง ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความครึกครื้น
แสงไฟสีส้มส่องสว่างประดับประดาไปทั่วทั้งตึกและสองข้างทางย่านใจกลลางเมืองลอนดอน
บดบังแสงริบหรี่ของดวงดาวบนฟากฟ้าแทบหมดสิ้น ..
รถม้าที่ตกแต่งอย่างงดงาม บ่งบอกฐานะของผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี
ต่างค่อยๆต่อแถวเรียงราย พาแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายนับพันคนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน
ณ พระราชวังแห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีกษัตร์ย์เฮนรี่เป็นองค์ประธาน
ผู้คนละลานตาอยู่ในชุดที่ตัดเย็บมาอย่างวิจิตรด้วยฝีมือช่างชั้นยอด
เครื่องเพชรชุดใหญ่ถูกสรรหามาประดับบนร่างกายหญิงไฮโซมากหน้าหลายตา
ส่องแสงระยิบระยับแพรวพราวเป็นประกาย
แก้วแชมเปญแก้วแล้วแก้วเล่าถูกนำมาเสริฟให้บรรดาแขกเหรื่อที่ยืนคุยกันอย่างออกรส
แทบทุกซอกทุกมุมของห้องโถงใหญ่กลางพระราชวัง
เสียงดนตรีคลาสสิคจากวงออเคสตร้าวงใหญ่กล่อมบรรเลง
ดังคลอไปกับเสียงจอแจและบรรยากาศที่ดูคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านพ่อให้คนเรียกหาข้าหรือครับ?”
ปาร์คดองอุครายงานตัวเสียงค่อย พร้อมก้มหัวเคารพผู้เป็นพ่อ
ที่กำลังยืนเสวนาอยู่กับเหล่าขุนนางและท่านรัฐมนตรีระดับสูง
ชายมีอายุผู้สง่างาม ขอตัวออกจากวงสนทาก่อนจะหันไปสนใจกับผู้ที่เค้าเรียกมา
“ดองอุค เจ้าแน่ใจแล้วใช่มั๊ยว่าดาร่าจะหนีออกมาไม่ได้ ข้าไม่ไว้ใจน้องสาวตัวแสบของเจ้าเลยจริงๆ”
เสียงทุ้มต่ำของชายอาวุโสพูดนิ่งๆแต่ก็แฝงไปด้วยความกังวล
“ครับ ท่านพ่อ คราวนี้คนของเราไม่พลาดแน่ ผมกำชับให้บ่าว ..
จัดคนไว้สอดส่องดูแลอย่างแน่นหนาทั่วคฤหาสน์แล้วครับ”
ท่านหัวหน้าตระกูลได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้าพอใจ
“แล้วงานวันนี้เตรียมพร้อมไว้นะ เอาล่ะไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปอยู่กับฮันบยอลเถอะ”
พูดจบผู้เป็นพ่อก็กลับเข้าร่วมวงสนทนาที่กำลังถกถึงปัญหาการแข่งขันด้านการค้าต่อไป
ฝ่ายดองอุคที่กำลังจะกลับไปประจำตำแหน่งของตนตามแผนที่วางไว้
ก็ต้องชะงักไปชั่วครู่เมื่อเหลือบสายตาเห็นร่างเล็กที่ดูคุ้นตาที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ลิบๆ
แวมไพร์หนุ่มชะเง้อคอกำลังจะก้าวตรงเข้าไปหา
แต่เพียงชั่วแวบเดียวร่างนั้นก็กลืนหายไปกับฝูงชนหายไปจากสายตาเค้า ดองอุคขมวดคิ้วมุ่นกับตัวเอง ..
‘ เป็นไปไม่ได้ ดาร่าจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!? ’
Comments