The worst nightmare
The sanctuaryฮโยยอนอยู่ที่โรงรถกำลังส่งยิ้มกว้างมาให้ในมือมีประแจหน้าเปื้อนน้ำมันเครื่องเหมือนทุกที คนที่อยู่ตรงหน้าฉันไม่ได้ดูอายุมากกว่า 17 เลย
“พี่มาดูนี่เร็ว”
“ฮโยยอนเหรอ” น้องพยักหน้าแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นเหมือนเคยฉันเดินเร็วขึ้นอีก ดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา l
“นี่ฉันว่าจะใส่เทอร์โบเพิ่ม พี่คิดว่าไง”ฉันจ้องเสี้ยวหน้าน้องก่อนจะบอกไป
“ฉันกลัว”ฮโยยอนส่ายหน้าตอบมาก่อนจะหันกลับไปสนใจน๊อตที่กำลังขันอยู่บอกแล้วบอกมาง่ายๆพร้อมกับหัวเราะอีก
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยไม่มีอะไรน่ากลัวซักนิด”
“แต่ฉันกลัว ถ้าฉันตื่นขึ้นมาแล้วแกยังตายอยู่ล่ะ”อีกฝ่ายยักไหล่ก่อนบอกมา
“ฉันก็ตายอยู่จริงๆนี่นา”
“แล้วฉันจะทำยังไงดี”ฮโยยอนหัวเราะดังลั่นอย่างเคย
“พี่ไม่ใช่คนที่ต้องพึ่งฉันนี่”
“ไอ้บ้าฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ฉันรู้”เรามองหน้ากัน
“แกว่าสุดท้ายฉันจะเป็นเหมือนพ่อรึเปล่า”
“ไอ้พี่บ้า ก็ฉันเป็นแล้วนี่ไง หึ แม่คงโมโหฉันน่าดู”
“ทำไมแกต้องทำให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ด้วยนะ”
"ฉันก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้หรอกน่า"
"แต่มันก็เป็นไปแล้ว"
“แล้วทำไมพี่ต้องโทษตัวเองอย่างนี้ตลอดเลยมันทำให้ฉันดูแย่รู้รึเปล่า มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น"
“ถ้าฉันแค่ปกป้องแกอย่างที่เคยทำมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่าเราก็รู้กันดีว่าพี่ไม่ได้ทำให้ฉันเป็นแบบนี้”
“แล้วตอนนี้แกสบายดีใช่ไหม”ฉันถามก่อนเดินใกล้เข้าไปอีกแต่พอไปถึงฮโยยอนก็หายไปอยู่อีกด้านของห้อง ฉันวิ่งตามอีกก็หายไปอีก ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่ามันคือฝันพอฉันตื่นคิมฮโยยอนก็จะตายอีก ความผิดหวังเข้ามาแทนที่ฉันสะดุ้งตื่นเร็วพอๆกับตอนที่ผล็อยหลับน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันร้องไห้จนตัวโยนร้องดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ ฉันรู้ว่าแม่ที่อยู่ห่างไปสองห้องต้องได้ยินเสียงแน่แต่แม่ก็รู้ดีพอที่จะไม่เข้ามา ฉันขอบคุณแม่เรื่องนั้น ฉันร้องจนเหนื่อยก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำแล้วกลับออกมาเอารถไปขับเล่นพอรู้ตัวอีกทีก็มาจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถเล็กๆนี่แล้วที่นี่มืดจนหมดมันดูว่างเปล่าเหมือนกับถูกทิ้งร้างมาหลายปี ฉันนั่งจ้องมันอยู่จนแดดเริ่มส่องเข้ามาในรถตอนที่โดนโทรศัพท์จากผู้ช่วยของแม่ตามให้ไปขึ้นเครื่อง ฉันเช็ดน้ำตาก่อนบอกลาอู่นั่นแล้วไปที่สนามบิน
ห้าเดือนต่อมา
“ข้าพเจ้า คิมฮโยยอนขอยกทรัพย์สมบัติทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้แก่คิมแทยอนแต่เพียงผู้เดียว” โซลครั้งที่สองในห้าเดือนก็แย่อยู่แล้วแล้วนี่อะไรอีก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”ฉันถามทนายความที่ดูจะไม่มีคำตอบเลยดึงเอกสารจากมือมาดู เท่าที่เห็นนอกจากอู่รถโกโรโกโสนั่นแล้วน้องฉันยังมีบ้านอยู่อีกหลัง กับรถอีกสองคัน ฉันโยนเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะบอก
“ฉันไม่ต้องการ”
“ปู่ว่าเราไปดูที่นั่นซักหน่อยไม่ดีเหรอ”ปู่ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาพูดเรียบ ๆ
“มีอะไรต้องไปดู”
“ไม่อยากรู้เหรอว่าน้องอยู่ยังไงกินยังไง”ฉันหลบสายตาปู่ก่อนจะโบกมือไล่ทนายให้ออกไปก่อน
“ฮโยยอนตายแล้วยังเหลืออะไรให้ดู”
“ไปดูก่อนแล้วตัดสินใจเอาเองเถอะ”ฉันก้มหน้าลงมองเอกสารพินัยกรรมก่อนจะถอนหายใจออกมา
"มีอะไรที่ควรจะรู้ก่อนรึเปล่า"
"ไปดูเองดีกว่า"ปู่ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขียนที่อยู่มาก่อนตบบ่าแล้วเดินหายออกไปอีก
"ท่านค่ะ ท่านผู้หญิงเชิญที่ออฟฟิตค่ะ"ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะลุกตามหลังมาขึ้นรถที่จอดรออยู่
“แกไม่ต้องไปสนใจหรอก กลับแคนาดาไปได้แล้ว”ฉันนั่งมองแม่ที่หันหลังให้ก่อนจะตอบเบา ๆ
“แค่ไปดูแล้วก็จัดการอะไรๆให้มันเรียบร้อยก่อนกลับไปที่โน่น”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไง”แม่ขึ้นเสียงใส่ กลิ่นเรื่องนี้มันชักจะไม่ดีแล้วสิ ทั้งแม่ทั้งปู่ทำตัวไม่ปกติทั้งคู่ เจสสิก้าก็อีกคนทำเหมือนกำลังปิดบังอะไรอยู่ชัด ๆ ฉันหยิบแฟ้มที่ววางอยู่ตรงหน้ามาเปิดผาน ๆแล้วถามกลับไป
“มีอะไรที่ควรจะรู้อีกรึเปล่าแม่”
“ไม่มี นี่เป็นคำสั่งฉันให้คนเตรียมสแตนบายรอไว้แล้ว แกแค่แวะไปลาคุณปู่แล้วกลับไปได้เลย”คิดแล้วไม่มีผิดจริง ๆ
“อยากอยู่ที่นี่อีกซักสองสามวัน แล้วถึงจะกลับ”
“ฉันสั่งให้แกกลับไป”
"มีอะไรกันแน่"
"แกไม่ต้องรู้หรอก แค่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ"ประโยคนั้นมันทำความอดทนของฉันหมดลง
“คิมแทยอนไม่ได้อายุสิบสามอีกแล้วนะแม่ แม่ไม่ใช่เจ้าชีวิตแทหรือใครๆอีกแล้ว”
“คิมแทยอน”ฉันปรับเสียงให้อ่อนลงแล้วบอกไป
“ขอโทษค่ะแม่ แต่แค่ไม่กี่วันแค่อยากพักอยากอยู่บ้านบ้างแค่นั้นเอง”แม่รู้ดีว่าฉันพูดเพราะอยากสงบศึกแต่ก็ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป โดยการเดินสะบัดหน้าออกไปจากห้องทำงาน
ฉันกำลังยืนอยู่หน้าบ้านของฮโยยอนก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงที่นิ้ว
"คุงป้า มาหาใครคะ อ๊ะแม่ไม่ให้พูดกับคนแปลกหน้านี่นา"ฉันก้มลงมองเด็กผู้หญิงมอมแมม ผมยาวปรกสะโพกยืนแหงนหน้าทำตาแป๋วพูดเองเออเองอยู่คนเดียวเลยสะบัดมือออกพร้อมกับถามกลับ
"ใครป้าเธอ ยัยเด็กนี่ไปไกลๆเลยฉันพึ่งจะยี่สิบสี่จะเป็นป้าได้ไง"ก่อนเด็กนั่นจะได้ตอบอะไรประตูหน้าบ้านเปิดออก
"คิมฮานึลมานี่ค่ะ"เด็กหันไปร้องบอก
"แม่จ๋าคุณป้าที่เหมือนปะป๊าคนนี้เรียกจี้ว่ายัยเด็กนี่ด้วยล่ะ"ผู้หญิงผิวซีดๆกวักมือเรียกเด็กคนนั้นให้เข้าไปก่อนจะพากลับเข้าบ้านไปฉันมองประตูบ้านโกโรโกโสนั่นอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันหลังกลับออกมา มีเรื่องต้องคุยซะแล้ว ฉันเริ่มด้วยการกดโทรออกหาเจสสิก้าแต่เธอไม่ยอมรับ เลยเปลี่ยนใจไปที่โรงพยาบาลของปู่แทน
"ใครอยู่ที่บ้านหลังนั้นปู่"ฉันถามทันที่ทีคนออกไปจากห้องหมดแล้ว
"ทิฟฟานี่กับฮานึล"ปู่ตอบโดยที่ไม่ยอมสบตา ฉันข่มความโกรธเอาไว้ และดูเหมือนว่าปู่ก็รู้ดี
"หมายความว่าอะไรใครคือทิฟฟานี่กับฮานึล"
"มีอะไรที่เข้าใจยาก อย่างที่คิดนั่นแหละ"
"ลูกของฮโยยอนงั้นเหรอ"
"ใช่ เลือดเนื้อเชื้อไขของคิมฮโยยอน"
"มีอะไรพิสูจน์รึเปล่า"
"มีการตรวจพันธุกรรมไปแล้วตั้งแต่ฮานึลเกิด"ฉันหยิบเอกสารจากทางโรงพยาบาลที่ปู่ชี้ให้ดูมาอ่าน ในนั้นมีทั้งสูติบัตร เอกสารรับรองการเป็นความเป็นแม่ลูกของฮโยยอนกับเด็กคนนั้น
“ไม่เชื่อหรอก ของอย่างนี้มันปลอมกันได้ จะสั่งให้ตรวจใหม่อีกรอบ ส่งแลปที่อเมริกาก็ได้”
“จะปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ เห็นอยู่เต็มตา ไม่ต้องบอกก็รู้จะเสียเวลาอีกทำไม”ฉํนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
"ในรายงานตำรวจที่เจสสิก้าให้ดูมีผู้หญิงอยู่ในรถฮโยยอน"ปู่เงยหน้าจากกระถางบอนไซมาสบตาก่อนจะบอก
"นิสัยบางอย่างก็ถ่ายทอดทางสายเลือดแล้วก็แก้ไม่หาย"ฉันถอนหายใจ
"แม่รู้เรื่องนี้รึเปล่า"
"มีอะไรที่แม่เราไม่รู้"
"แล้วทำไมไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้ซักคน เจสสิก้าก็ด้วย"
"ถึงมีใครบอกจริงๆเราคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง"ฉันชะงักเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง
"แล้วปู่หละต้องการอะไรกันแน่"
"ปู่ไม่อยากให้ลูกของฮโยยอนต้องโตอย่างอดอยาก"
"แล้วไง"
"ทิฟฟานี่สุขภาพไม่ดีทำงานหนักไม่ได้"
"แล้ว"
"ดูแลหลานให้ปู่ ได้รึเปล่าปู่ไม่คิดว่าจะต้องขอร้องเราแต่นี่ผลการตรวจล่าสุดของปู่ไม่ดีเท่าไหร่ ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลแล้ว ปู่รู้ว่าเราลำบากใจ ถือว่าปู่ขอร้องได้ไหม"
"ถ้าทำอย่างนั้น แล้วจะได้อะไรตอบแทน"
"อะไรก็ได้ ที่เราต้องการหลังจากที่ปู่ตายทุกอย่าง หมายถึงทุกอย่างที่เป็นสิทธิ์ของปู่จะยกให้เรา ยกเว้น ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นทืี่เคยสัญญากับเจสสิก้าเอาไว้ก่อนหน้านี้"
"แทซันทั้งหมดใช่ไหม"เรามองหน้ากัน จู่ ๆฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาปู่ไม่ได้ขู่แต่ปู่คงจะอยู่ไม่ได้นานจริงๆ
"ยี่งกว่านั้น"
"อำนาจที่จะได้หลังจากนั้นต้่องมากกว่าแม่ ได้ไหม"ปู่พยักหน้า
"งั้นแทจะพาเด็กกลับไปด้วยถ้าปู่ต้องการ"
"ไม่ใช่ ปู่ไม่ได้ต้องการให้เด็กคนนั้นขาดแม่"
"แล้วปู่จะให้ทำยังไง"ปู่ถอนหายใจ
"ปู่ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นลองไปคุยกับทิฟฟานี่ดูแล้วกันแล้วก็นี่จดหมายฮโยยอนเขาเจอในที่เกิดเหตุตำรวจเอามาให้พร้อมกับของส่วนตัวอย่างอื่นเขียนถึงเรา"
พี่
มันรู้สึกแปลกๆนะที่ได้พูดคำนี้ออกมาอีกหลังจากที่ไม่ได้พูดมานาน ถ้าได้อ่านนี่ก็แสดงว่าฉันไม่ได้อยู่แล้ว บอกตามตรงระยะหลังมานี้ฉันคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาบ่อยๆที่พี่พยายามพูดก่อนเราจะไม่ได้คุยกัน ตอนนี้ฉันคิดว่าพี่พูดถูกช่างเถอะที่จริงฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องพี่ก็อย่างที่พี่คงจะรู้ดีฉันทำทุกอย่างพังตามเคยแต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถยิ้มแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แล้ว พี่มีหลานแล้วนะเป็นสาวน้อยน่ารักชื่อ“คิมฮานึล”เพราะเด็กคนนั้นฉันได้แต่ละอายที่ไม่สามารถเป็นผู้ปกครองที่ดีได้ ฉันทำผิดกับแม่ของลูกด้วย เข้าเรื่องดีกว่า ถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากให้ลูกโตมาเป็นอย่างฉัน น่าแปลกใจไหมล่ะ ที่โชคร้ายกว่านั้นฉันคงไม่สามารถอยู่เห็นฮานึลโต พี่จะช่วยดูแลเด็กคนนั้นกับแม่ของเธอได้รึเปล่า ฉันรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนฉันขอมากเกินไปแต่ มองไม่เห็นใครแล้ว ฝากด้วยนะพี่ฉันอยากจะมีโอกาสได้แนะนำหลานกับพี่ด้วยตัวเองจริง ๆแล้วก็ขอโทษ..สำหรับทุกๆอย่าง
คิมฮโยยอน
ไอ้บ้าแค่ขอโทษหลังจากที่แกทำทุกอย่างเละเป็นโจ๊กนี่นะฉันเก็บจดหมายเข้ากระเป๋าแล้วนั่งลงมองต้นไม้ที่ถูกบังคับไม่ให้โตนั่น รู้สึกเหมือนกับกำลังส่องกระจกอยู่เลย นี่มันบีบให้ฉันต้องเลือกชัดๆฉันจำเป็นต้องตัดสินใจและหวังว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง มีเหตุมีผลและไม่ใช่เพราะอารมณ์ การตัดสินใจที่เหมาะกับสถานการณ์นี้ การตัดสินใจที่ฉันจะเสียหายน้อยที่สุด
"คุณแทยอน"เจสสิก้าโผล่หน้ามาที่ประตู ฉันคิดจะโบกมือไล่ให้กลับออกไปแต่ก็เปลี่ยนใจเพราะเห็นขวดสก๊อตที่เธอชูขึ้นมา อีกฝ่ายเดินเนือย ๆเข้ามาหาแล้วยื่นแก้วมาให้ ฉันดึงขวดจากมือเธอมาแล้วก็ต้องเลิกคิ้ว
"นี่ดีที่สุดที่คุณเลือกได้เหรอ จากเหล้าทั้งหมดในห้องนั้นน่ะ คุณทนาย"
"อะไรก็ทำให้เมาได้เหมือนกันแหละน่า"ฉันเขี้เกียจจะเถียงด้วยเลยยื่นคืนให้ไป
"คุณดูซีดสุด ๆ"เจสสิก้าบอกพร้อมกับพยายามจะเปิดขวดไปด้วย
"คุณททนายก็ดูเหี่ยวสุด ๆเหมือนกัน"เธอหัวเราะขื่น ๆตอบแล้วยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
"ฉันเดาว่าคุณคงมีเรื่องที่อยากจะถาม"
"ฉันก็เดาว่่าคุณทนายคงมีเรื่องที่อยากบอก"เจสสิก้าถอนหายใจ
"ที่จริงฉํนจะบอกหลายครั้งแล้วตั้งแต่ที่ฉํนรู้เรื่อง"
"แต่ก็ไม่ได้บอก"เจสสิก้ารินให้ตัวเองเพิ่มอีกแล้วพยักหน้า เราสบตากัน ฉันเป็นฝ่ายหันไปมองนอกหน้าต่าง
"รู้นานแค่ไหนแล้ว"
"ไม่นาน ฟังนะ"ฉันยกมือห้าม
"ฉันจะไม่โกหกว่าไม่โกรธ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร"
"แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปคะ"เจสสิก้าถามมา
"ไม่รู้ ยังไม่ได้ตัดสินใจ"อีกฝ่ายวางแก้วเหล้าในมือลง
"คุณรู้ใช่ไหมว่าออนนี่เข้าข้างคุณ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง"ฉันพยักหน้า แล้วลุกขึ้นยืน อย่างน้อยก็มีสองคนที่จะคอยช่วย มันคงไม่เลวร้ายเท่าไหร่ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
"แล้วคุณจะไปไหน"ฉํนหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มแล้วรินให้อีกฝ่ายด้วย
"สไตรส์ทูนะเจสสิก้าจอง ฉันหวังว่าคงจะไม่มีไสตรส์ทรี "เจสสิก้าสบตากัยฉํนแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
"จะพยายามค่ะ"
ฉันมายืนกดออดที่หน้าบ้านตุ๊กตานี่อีกครั้งพร้อมกับทนายความไม่นานประตูหน้าบ้านก็เปิดออก
"สวัสดีค่ะ"ผู้หญิงหน้าตาจืดๆที่ชื่อ ทิฟฟานี่ เปิดประตูออกมาท่าทางไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยน้องฉันตายทั้งคน
"ฉันชื่อคิมแทยอน"ฉันพยายามข่มอารมณ์ทำเสียงเรียบๆบอก ท่าทางทิฟฟานี่ไมได้แปลกใจ
"เอ่อพี่ฮโยไม่อยู่ค่ะ"ฉันห้ามตัวเองไม่ให้เลิกคิ้วไม่ได้ถามกลับ
"หมายความว่ายังไงไม่อยู่"ผู้หญิงตรงหน้ามองไปที่ทนายที่มาด้วยฉันเลยโบกมือไล่ให้ออกไปให้หมดก่อนจะหันกลับมา
"คุณฮโยยอนแยกไปอยู่ที่อื่นค่ะฉันเองก็ไม่ได้เจอเขามาเกือบปีแล้ว"
"เธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร "
"ทราบค่ะ ฉันถึงบอกว่าเขาแยกไปอยู่ที่อื่นแล้ว "เธอตอบเรียบๆมา ฉันได้แต่เลิกคิ้วแล้วบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรนี่ เธอไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ไม่มีใครมาบอกเธอเลย"
"มี...อะไรเกิดขึ้นเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
"เธอเจอฮโยยอนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"ฉันรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทิฟฟานี่น้ำตาร่วงแต่ก็ยังพยายามจะถามต่อเธอเขย่าแขนฉันพร้อมกับถามย้ำๆ
"เกิดอะไรกับคุณฮโยยอนบอกฉันที"
"น้องฉันตายแล้ว เกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อสามเดือนที่แล้ว"ผู้หญิงตรงหน้านิ่งค้างไป ไม่แม้กระพริบตาก่อนจะถามออกมา
"ไม่จริงใช่ไหม เขาแค่ออกไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตาย"
"ฉันพูดความจริง"
"ไม่คุณโกหก ไม่จริงคุณโกหก"
"ฉันก็อยากให้มันเป็นเรื่องโกหกเหมือนกันฟังนะฉัน..."
"มันเกิดขึ้นได้ยังไง"ทิฟฟานี่ดูเหมือนจะเป็นลมไปได้ทุกนาทีถามแทรกขึ้นมา
ฉันคิดจะบอกผู้หญิงคนนี้ว่าดูเหมือนฮโยยอนจะเมามากจนไม่น่าจะขับรถอย่างนั้นแต่ก็เปลี่ยนใจ
"ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"ฉันได้ยินเสียงตัวเองกระซิบบอกไป
"ไม่มีทางนี่มันไม่ใช่เรื่องจริงเขาต้องไม่ตาย เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้"
"นี่ ฟังนะมีสติหน่อย"ทิฟฟานี่สะบัดมือฉันออกก่อนจะพยายามวิ่งออกไปจากห้อง
"ทนายชเวโทรเรียกหมอมานี่หน่อยเร็วๆด้วย"ฉันตะโกนบอกทนายก่อนจะออกแรงดึงเอาไว้อีก
"แม่จ๋าเป็นอะไร"ยัยเปี๊ยกที่เจอเมื่อเช้าเดินงัวเงียมาหาเรา ทิฟฟานี่ที่ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้ดึงเด็กมากอดฉันเบือนหน้าหนีภาพนั้นก่อนจะตะโกนเร่งหมอให้รีบมาเพราะเธอเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว
"คุงป้า ช่วยแม่หน่อยแม่ไม่สบาย ป่ะป๊าไม่อยู่พาแม่ไปหาหมอหน่อย"หมอที่อยู่ปลายสายเป็นหมอประจำตัวของปู่รวมถึงผู้หญิงคนนี้ด้วยบอกให้พ่นยาไว้ ก่อนแล้วไอ้ยาที่ว่าเนี่ยมันอยู่ไหนกันหละ
"นี่เธอยาหละยาอยู่ไหน เปี๊ยกยาของแม่เธออยู่ที่ไหนไปเอามาเร็วๆ"เด็กนั่นหายไปครู่นึงก่อนจะกลับมาพร้อมกับยา ฉันช่วยพ่นยาให้ให้ก่อนจะรอรถพยาบาลมารับไป ฉันฝากเด็กไว้กับทนายชเวก่อนจะไปหาแม่ที่ออฟฟิต
"แม่รู้จักผู้หญิงชื่อทิฟฟานี่ไหม”ฉันถามก่อนจะทิ้งตัวลงตรงข้าม แม่เงยหน้าจากแฟ้มในมือมาถามกลับ
"เป็นฝรั่งเหรอ"ฉันอดไม่ได้เลยหัวเราะตอบไปสีหน้าแม่มันแนบเนียนจนฉันอยากจะเชื่อว่าแม่ไม่รู้จักเธอจริงๆ
"หัวเราะอะไร"
"แม่เนียนจนถ้าไม่ใช่ลูก ก็คงจะเชื่อแล้วล่ะ"แม่ถอนหายใจ
"ก็ได้ฉันรู้แล้วยังไง"
"เกินไปรึเปล่าแม่ เด็กนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องตาย เขามีลูกด้วยกันเด็กก็โตขึ้นทุกวันแม่จะปล่อยหลานให้โตมาเหมือนเด็กข้างถนนแบบนั้นเหรอ บ้านที่สองคนนั่นอยู่เล็กยังกะบ้านตุ๊กตา"
"ฉันไม่มีหลาน"
"แต่ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้"
"ฉันไม่รับรู้ ทั้งเด็กทั้งผู้หญิงนั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันหรือครอบครัวของฉันรวมทั้งแกด้วย"
"แทจะช่วยสองแม่ลูกนั่นคุณปู่ขอไว้แทรับปากไปแล้วด้วย"
"ฉันไม่อนุญาตแกต้องกลับไปแคนาดาเดี๋ยวนี้เลย"
"แม่ฟังก่อน"
"แกเลือกเอาระหว่างแม่อย่างฉันกับสองแม่ลูกนั่นจะเลือกใคร"
"ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยแม่"
"ถ้ายังดื้อจะไปช่วยสองแม่ลูกนั่นฉันก็จะถือว่าแกตายไปแล้วอีกคน"
"แม่"
"จะไปก็ไปสินั่งอยู่ทำไม"ฉันถอนหายใจ
"แม่เห็นแก่น้อง แต่ปล่อยสองคนนั้นไว้อย่างนี้ไม่ได้แม่จะโกรธก็ได้ แต่ยังไงก็อยู่เฉยไม่ได้แน่ๆ"
"งั้นแกก็ไปเลย แล้วอย่าคิดว่าฉันจะยอมแก"ฉันหันหลังกลับกำลังจะพ้นประตูห้องแม่ก็เรียกเอาไว้
“คิมแทยอน แสดงว่าชีวิตของผู้หญิงคนนั้นแกจะรับผิดชอบเองใช่ไหม”พอได้ยินแม่พูดออกมาอย่างนั้นฉันก็ไม่เหลือทางเลือกอื่น
“ค่ะ ชีวิตของสองคนนั้นตั้งแต่นี้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของคิมแทยอน”แม่มีท่าทางโมโหมากขึ้นอีก
“งั้นแกก็รอรับผลจากการตัดสินใจของแกในครั้งนี้ได้เลย”ฉันตัดสินใจเดินออกมารู้สึกหนักอึ้งไปหมดทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องน้ำเน่าอย่างนี้ด้วยนะ
"เป็นยังไงบ้าง"ฉันถามทนายจองที่นั่งสัปหงกรออยู่ในห้องพร้อมกับยัยเปี๊ยก
"ดีขึ้น แต่คงหลายวันกว่าจะกลับบ้านได้"ฉันพยักหน้ารับรู้
"แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป"เห็นได้ชัดว่าเจสสิก้าเองก็คิดเรื่องนี้อย่างหนักเหมือนกัน และตอนนี้ฉํนเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง
"แล้วคุณแม่คุณว่ายังไงบ้าง"
"คิดว่าแม่จะพูดว่ายังไงล่ะ"เจสสิก้าเอื้อมมือมาลูบหลังฉัน
"เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นเอง"ฉันพยักหน้าส่ง ๆ ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก
"ให้คนไปส่งเถอะเจสสิก้า ทางนี้ฉันอยู่ต่อเอง"เธอทำท่าทางอิดออด แต่ก็ยอมหลังจากที่ฉันเลิกคิ้วใส่
"งั้นพรุ่งนี้เจอกัน"ฉันพยักหน้าให้ก่อนจะเรียกพยาบาลมาถามอาการแล้วนั่งอ่านหนังสือรอเงียบๆ เกือบสามชั่วโมงต่อมาทิฟฟานี่ก็ลืมตาขึ้นมา เธอดึงหน้ากากออกซิเจนออก
"คุณมาถึงเมื่อไหร่คะ"
"ไม่นาน อาการเธอเป็นยังไงบ้าง"
"ดีขึ้นแล้วค่ะ" เห็นได้ชัดว่าเราไม่รู้จะพูดอะไรกันต่อ ทั้งห้องเลยมีแต่ความเงียบ เกือบชั่วโมงผ่านไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันดูเบอร์ก่อนจะลุกมารับสายแม่จัดการเร็วอย่างที่คิดจริงๆด้วย
"คุณพาร์คมีอะไร"
"คุณแทยอนครับมีหนังสือลาออกจากโซลมาถึงที่นี่ครับ"
"ว่ายังไงบ้าง"ฉันถามเรียบๆไปเพราะรู้อยู่แล้วว่าแม่จะมาไม้นี้
"คุณขอลาออกจากทุกตำแหน่งครับ"
"หุ้นของฉันล่ะ"
"หุ้นด้วยครับมีการเทขายทั้งหมด"แม่ถือโอกาสตอนฉันเผลอสั่งขายหุ้นแล้วช้อนซื้อไว้เองสินะ
"ขอบใจมากต่อไปก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน"ฉันกดวางสายก่อนหันมาสนใจคนป่วย
"เธอรู้รึเปล่าว่าน้องฉันทำพินัยกรรมไว้"ส่ายหน้า
"ตอนนี้บ้านกับอู่นั่นตกเป็นของฉันแล้ว"
"ฉันจะรีบย้ายออกค่ะ"ฉันเลิกคิ้วใส่ผู้หญิงตรงหน้า ไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมถึงยังคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำตัวถือดีอย่างนี้ต่อหน้าฉัน และก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงตอบไปว่า
"ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้เธอกับลูกไปอยู่ที่อื่น"
"คุณหมายความว่าอะไรคะ"
"ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้นเธอพักให้มากๆเถอะจะได้หายเร็วๆลูกเธอเสียขวัญจะแย่แล้ว"ฉันบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน
"คุณแทยอนคะ"ฉันเลิกคิ้ว
"อะไร"
"เขาไม่ทรมานใช่ไหมคะ"ฉันส่ายหน้าทิฟฟานี่เริ่มร้องไห้ออกมาอีก ทำไมฉันต้องรู้สึกสงสารยัยนี่ด้วยนะ
"ฮโยยอนทำกับเธออย่างนี้ไม่โกรธเลยเหรอ"ส่ายหน้า ฉันได้แต่ถอนหายใจ เด็กนี่โง่จริงด้วยแฮะ มีแค่คนโง่แบบนี้เท่านั้นแหละที่ไม่จำว่าถูกทำอะไรเอาไว้บ้าง
"ร้องเถอะแต่อย่านานนักนึกถึงลูกเธอเอาไว้ให้มาก"ฉันหันหลังเดินออกมาโทรหาแม่
"เล่นแรงไปนะแม่"
"ฉันบอกแกแล้ว เสื้อผ้าแกฉันให้คนส่งไปบ้านหลังนั้นแล้วอยู่ให้มีความสุขนะ ฉันจะนอนแล้ว"
"เดี๋ยวแม่ เงินเดือนของสามเดือนสุดท้ายโอนเข้าบัญชีให้ด้วย"แม่หัวเราะชอบใจก่อนจะวางสายไป ฉันถอนหายใจอีกก่อนจะเดินกลับเข้าไปหาสองแม่ลูกนั่น
“ทิฟฟานี่”เธอลืมตาขึ้นมายังร้องไห้อยู่อีกฉันถอนหายใจ
“ฟังนะ มันอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เราอาจจะต้องแชร์บ้านกันอยู่เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”ส่ายหน้า
“เอายานอนหลับไหมฉันจะเรียกหมอให้”ส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกับน้องฉันรักกันยังไง แต่เห็นได้ชัดว่ามันจบลงไปแล้วเธอทำใจซะบ้างเถอะ”
“เขาพูดเอง เขาโทรมาหาบอกว่าขอโทษแล้วบอกว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องแล้วนี่มันถูกต้องตรงไหนเขาหายไปจากฉันมันถูกต้องตรงไหน"ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องเห็นได้ชัดว่าต่อมน้ำตาของเธอมีความสามารถในการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม
“เธอจะบอกเด็กว่ายังไง”ส่ายหน้า
“คุณจะบอกเด็กเล็กๆอย่างนี้ให้เข้าใจได้ยังไงคะว่า จะไม่ได้เจอกับพี่ฮโยแล้ว”
“จะให้ฉันบอกรึเปล่า”
“ฉันไม่รู้ค่ะ”
“งั้นฉันจะถือว่าเธอขอให้ฉันบอกเด็กนะ เข้มแข็งเอาไว้ ฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการที่แคนาดาเสร็จแล้วเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน ระหว่างนี้ก็พักซะ"ทิฟฟานี่หลบตาด้วยการหลับตาลง ฉันเลือกจะไปพักบ้างโดยการไปนั่งหลับอยู่ที่เดียวกับที่ทนายจองเพิ่งจะลุกไป
"ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันต้องเข้มแข็ง ต้องเข้มแข็ง"ฉันตื่นขึ้นมาอีกเพราะเสียงทิฟฟานี่กำลังบอกตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เธอไม่ร้องไห้แล้วไม่ใช่สิน้ำตาเธอมันแห้งไปหมดแล้วต่างหาก ยืนมองอยู่ตรงนี้ความรู้สึกของฉันมันปนกันไปหมดทั้งโกรธน้องทั้งสมเพช ทั้งสงสารทั้งเห็นใจปนๆกันกับความรำคาญผู้หญิงตรงหน้าสารพัดแต่ที่กำลังกินพื้นที่ส่วนมากตอนนี้คือความสงสาร เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกที่มีต่อน้องของฉันมันลึกเกินกว่าความโกรธที่ถูกทิ้งไปหาคนอื่น รักใครซักคนจนหมดใช้ทั้งหมดที่มี ผลที่ได้ก็คือจากสองก็กลายเป็นหนึ่ง พอหนึ่งคนหายไปคนที่เหลือก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว เหมือนตอนนี้น้องฉันตายทิฟฟานี่ก็เหมือนจะตายตามฉันนึกสงสัยว่าคนที่อ่อนแออย่างเธออุ้มท้องเด็กคนนี้ คลอดออกมา เลี้ยงดูมาตลอดสี่ปีระหว่างที่น้องฉันไปใช้ชีวิตตามใจอยากสุดท้ายผลตอบแทนที่ได้ก็คือถูกทิ้งแต่ก็ยังร้องไห้จนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ต่ออย่างนี้ได้ เธอไม่ได้จำเลยซักนิดว่าถูกทำอะไรบ้างโง่ชะมัด
ฉันเลยถามตัวเองว่าจะมีทางรักใครได้อย่างนี้ไหม อาจจะได้แต่ไม่ดีกว่าวันนี้ฉันได้บทเรียนสำคัญอยู่เรื่องนึงว่าเรื่องรักน้ำเน่าแบบนี้ไม่เหมาะกับฉันราคาที่ต้องจ่ายมันแพงเกินไปการค้าขาดทุนแบบนี้คนสติดีๆที่ไหนจะไปทำกัน เรื่องนี้มันเป็นฝันร้ายชัด ๆ ฝันร้ายที่ฉํนไม่เห็นทางว่าฉํนจะตื่นขึ้นมาจากมันได้ยังไง
Comments