The runaway girl

The sanctuary

ฉันชื่อ แทยอนคิมอายุ 25ปี ตามปฏิทินสากล ฉันเป็นผู้บริหารของบริษัทข้ามชาติของครอบครัวในนิวยอร์ก ความถนัดเฉพาะทางของฉันก็คือการเข้าซื้อและปรับปรุงกิจการที่กำลังมีปัญหา ธุรกิจที่ทนายความส่วนตัวของฉันเรียกว่าการทำกำไรจากซากปรักหักพังในชีวิตของคนอื่น ถ้าถามว่าฉันเก่งในเรื่องนี้ไหม เอาเป็นว่าห้าปีในธุรกิจมีแค่สองครั้งที่ไม่ทำกำไรเท่าที่ควร และจากการทำธุรกิจนี้ฉันสามารถซื้อทุกอย่างที่ฉันต้องการ มีชีวิตในแบบของฉันเอง จะเรียกว่าฉันประสบความสำเร็จตามสมควรก็ว่าได้เรื่องราวรอบๆตัวฉันเป็นไปอย่างที่อยากจะให้เป็น ฉันออกจากบ้านด้วยความสมัครใจทิ้งสิ่งที่เรียกครอบครัวไว้ข้างหลังหนีมาครึ่งโลกตั้งแต่อายุ 17  แต่มาถึงตอนนี้ฉันก็พบว่าความพยายามนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ในเมื่อสุดท้ายแล้วฉันก็กำลังนั่งอยู่ที่หน้าต่างเครื่องบินเหนือคาบสมุทรเกาหลี นี่เป็นทริปที่ฉันไม่อยากมาแต่จำเป็นต้องมา ทริปกลับบ้าน

เมื่อวาน

ฉันตื่นหลังเที่ยงเหมือนทุกวันก่อนจะได้รับโทรศัพท์จากแม่ระหว่างที่ดื่มกาแฟอยู่ "ฮโยยอนประสบอุบัติเหตุ คิดว่าแกน่าจะกลับบ้าน"ฉันรับคำก่อนบอกแม่บ้านให้เตรียมชุดดำสองสามชุดแล้วออกจากบ้านมา แน่ใจคิมฮโยยอนน้องฝาแฝดของฉันไม่ได้แค่ป่วยหนักแต่ตายแล้วไม่งั้นแม่ไม่ยอมพูดถึงแน่ๆ ฉันทิ้งทุกอย่างที่นี่ไว้รวมถึงงานที่ยังค้างอยู่ ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับบ้านครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพื่อไปงานศพน้องที่ไม่ได้พูดกันมาตั้งแต่อายุยังไม่เข้ายี่สิบคุณคงไม่อยากรู้แน่ๆว่ามันรู้สึกยังไง

 

ออกจากสนามบินมายืนอยู่ตรงหน้ารูปน้องตัวเองความรู้สึกมากมายมันประดังประเดเข้ามา

ฉันจำได้ดีว่าตอนที่ถ่ายรูปนี้ฮโยยอนเพิ่งจะเข้าสิบเจ็ด ไม่กี่เดือนหลังจากที่อีกฝ่ายเข้าเรียนปริญญาโทที่ MIT

มือฉันเริ่มสั่นรวมถึงเข่าด้วย ฉันรู้สึกเหมือนว่าอยู่ในฝันร้าย ฉันอยากให้มันหยุดซักทีฉันอยากไม่รู้สึกอะไรอยากให้ประสาทรับรู้ฉันไม่ทำงาน แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้เลยได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วพยักหน้าให้คนที่ถือชุดสำหรับพิธีเข้ามา

พอเปลี่ยนชุดเป็นฮันบกเสร็จฉันก็เข้าไปที่ห้องข้าง ๆเห็นว่ามีคนเอาปลอกแขนมาติดให้คุณปู่ แล้วได้แต่มองมันอย่างจนปัญญา ขีดสีขาวสองขีดแปลว่าคุณเป็นครอบครัวนึกอยากเดินไปดึงมันทิ้งแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ฉันถอยหลังออกมาจากภาพนั้นแล้วเดินตามคนที่รออยู่เข้าไปในห้องพิธี แม่ฉันยืนรับแขกที่มาอยู่ที่หน้าป้ายบูชาปากเม้มแน่นเชิดหน้าอย่างเคย แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าแม่กำลังจะล้มลงตรงนั้น "แม่"ฉันเรียกแต่ไม่ได้ยินเสียงตัวเองไม่แน่ใจว่าควรจะทำตัวยังไง แม่พยักหน้าเรียกแต่ฉันเดินไปตรงนั้นไม่ได้ ฉันหายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมาบล็อกหลอดลมอยู่ ฉันรู้ว่าลูกน้องของแม่โค้งทักฉันมาหลายคนแต่ฉันไม่ได้ทักตอบ รูปที่อยู่ตรงหน้ายิ้มกว้างแต่ไม่มีอีกแล้ว นาทีนั้นฉันก็รู้ว่าฉันพลาดโอกาสจะเห็นมันไปแล้ว เรื่องที่รู้ดีอยู่แล้วกลับทำให้ฉํนตั้งตัวไม่ติด ฉํนไม่รู้จะทำอะไรต่อไป แม่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาบอกเรียบๆ ตาแม่แห้งผาก 

"ทุกอย่างจะเรียบร้อย"ฉันได้แต่พยักหน้าตอบแล้วเดินตามไปเหมือนคนโง่ เจสสิก้าที่รับแขกอยู่ที่หน้าประตูหันมาทำหน้าห่วง ๆเหมือนอย่างเคย ก่อนจะถามมาอย่างไร้เสียง

“คุณไม่เป็นไรนะ”ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะเห็นว่า ปู่เดินช้าๆเข้ามาหาอีกคนนี่มันเกินจะทนได้แล้ว พอมองเต็มตาก็เห็นได้ชัดว่าปู่ยังดูซีดๆอยู่เลยหลังจากต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันรู้ว่าน้ำตากำลังจะไหลเลยได้แต่เชิดหน้าเอาไว้ ปู่กอดฉันแน่นเหมือนตอนที่ยังเด็กแล้วยิ้มเศร้าๆให้พร้อมกับบีบไหล่ฉันเบาๆไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ดูเหมือนฉันจะหายใจได้สะดวกขึ้น  ส่วนแม่ไม่ได้พูดอะไรอีกตลอดงาน

สามวันผ่านไปเหมือนเป็นเรื่องโกหก เราขึ้นรถไปสุสานด้วยกันในความเงียบ ตลอดทางฉันจับมือปู่แน่น พอเราไปถึงฉันเริ่มตัวสั่นอีกครั้งได้แต่พยายามรวบรวมสติก่อนหันไปเรียกให้คนรถเอาวีลแชร์มาให้ปู่แต่ถูกปฏิเสธ แม่เกลี้ยกล่อมจนปู่ยอมนั่งมันก่อนเราจะขึ้นไปตามเนินเขา ที่ของน้องหันหน้าออกทะเลด้วยอยู่ข้างๆพ่อแล้วก็ย่า ฉันพยายามไม่มองปู่ที่ร้องไห้เงียบๆโดยการเบือนหน้าหนีพยายามรักษาสีหน้าเหมือนกับแม่ พ่อกับฮโยยอนเหมือนกันเหมือนกับปู่ที่เแค่เห็นโฆษณาประกันชีวิตก็ร้องไห้แล้วส่วนฉันไม่ใช่ แต่ความรู้สึกแปลกๆนี่อะไรมันกำลังปกคลุมฉันความรู้สึกที่คิดถึงมากจนเจ็บปวดแบบนี้ทำไมฉันไม่ตัดมันออกไป แค่เพราะอยู่ต่อหน้าหลุมศพคนที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งหกปีแค่นั้นทำไมฉันถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ เพราะแกจะไม่ได้เจอน้องอีกแล้วไงล่ะ เสียงในหัวฉันบอกมา ฉันสะบัดหน้าแรงๆไล่ความคิดพวกนั้นออกไปพร้อมกับสูดลมหายใจลึกเข้าลึกๆพร้อมกับบอกตัวเองซ้ำ ๆว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย

 

Like this story? Give it an Upvote!
Thank you!

Comments

You must be logged in to comment
heartwaves
#1
Chapter 1: I wish I could read this tho huhu